บทที่ 39 เตรียมตัวบุกเหนือ
บทที่ 39 เตรียมตัวบุกเหนือ
ณ ใจกลางปราสาทหลวงแห่งอาณาจักรแดนใต้ องค์จักรพรรดิ ประทับอยู่บนบัลลังก์ทองคำ ใบหน้าของพระองค์เคร่งขรึมและฉายแววอำมหิต เบื้องหน้าคือเหล่าผู้กล้าที่เคยเป็นพรรคพวกของเอเรน พวกเขายืนนิ่งสงบเรียงรายกันในชุดเกราะที่ส่องประกายวาววับ
“ข้าได้ยินมาว่าพวกเจ้ากำลังฝึกฝนกันอย่างหนัก...” องค์จักรพรรดิเอ่ยขึ้นก้องท้องพระโรง
“ข้าก็หวังว่าพวกเจ้าจะพร้อมที่จะรับมือกับภารกิจที่สำคัญที่สุดในชีวิตของพวกเจ้า”
เหล่าผู้กล้าต่างมองหน้ากันอย่างสงสัย ก่อนที่องค์จักรพรรดิจะผายมือไปทางแผนที่ขนาดใหญ่บนโต๊ะซึ่งมีจุดเรืองแสงสีแดงกระพริบอย่างรุนแรง
“นี่คือสัญญาณจากทิศมรณะ...” องค์จักรพรรดิอธิบาย
“ศาสตราโลหิต... ได้ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง... และมันแข็งแกร่งกว่าที่พวกเราเคยคิดไว้มาก”
“ถ้าอย่างนั้น... เราจะต้องรีบไปจัดการมัน!” ผู้กล้าคนหนึ่งเอ่ยขึ้น น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น หากเขาสามารถสร้างผลงานในการรบครั้งนี้เขาคงมีตำแหน่งเพิ่มขึ้น
“ใช่... แต่ไม่ใช่แค่นั้น”
“ข้าได้ส่งผู้กล้าคนใหม่ไปที่นั่นแล้ว... ข้าก็หวังว่าเขาจะสามารถหยุดยั้งมันได้”
คำพูดขององค์จักรพรรดิทำให้เหล่าผู้กล้าต่างตกตะลึง พวกเขาไม่คิดว่าจะมีผู้กล้าคนใหม่ถูกอัญเชิญมาอีกครั้ง
“ผู้กล้าคนใหม่...” ผู้กล้าอีกคนหนึ่งเอ่ยขึ้น
“แล้วเราล่ะ... จะต้องทำยังไง”
“พวกเจ้าจะต้องรวบรวมกำลังพล... และมุ่งหน้าไปยังทิศมรณะ...”
“ข้าต้องการให้พวกเจ้า... ยึดครองดินแดนนั้น... และนำพลังของศาสตราโลหิตกลับมา...”
ในเวลาเดียวกันนั้น ณ ลานฝึกที่อยู่ใต้ปราสาทแห่งอาณาจักรตอนเหนือ แม็กนัส องค์ราชาแห่งอาณาจักรแห่งเหมันต์กำลังยืนอยู่กลางลาน เขาไม่ได้สวมชุดเกราะหรือถืออาวุธใดๆ มีเพียงเสื้อคลุมสีขาวที่สวมอยู่เท่านั้น
“ข้ารู้... ว่าพวกเจ้ากำลังสงสัยในตัวข้า” เสียงของแม็กนัสดังขึ้นก้องลาน
“แต่ข้าก็อยากให้พวกเจ้าจดจำชื่อของข้าไว้... ข้า... แม็กนัส... ผู้สร้างศาสตราโลหิต...”
“และข้าก็เชื่อว่า... เอเรน... จะสามารถที่จะรวบรวมศาสตราทั้งหมด... และนำความสงบสุขกลับคืนสู่โลกนี้ได้”
คำพูดของแม็กนัสทำให้เหล่าทหารยามที่อยู่รอบๆ ต่างพากันตกตะลึง พวกเขาไม่เคยคิดว่าองค์ราชาของพวกเขาจะเชื่อในผู้กล้าคนเดียวขนาดนี้
“แต่ว่า... พวกเราจะทำยังไง” ทหารยามคนหนึ่งถาม
“พวกเราไม่มีผู้กล้า... แล้วอีกอย่างพวกเราคงไม่สามารถต่อสู้กับศาสตราโลหิตได้...”
“ใช่...” แม็กนัสยอมรับ
“แต่พวกเจ้า... มีความเชื่อ... มีความหวัง... และมีความมุ่งมั่นที่จะปกป้องอาณาจักรแห่งนี้...”
แม็กนัสยิ้ม “เพราะฉะนั้น... จงอย่าได้ยอมแพ้...” เขาเอ่ย
“จงฝึกฝนกันให้หนัก... และเตรียมพร้อมที่จะต่อสู้... เพราะในไม่ช้า... พวกเราจะต้องเผชิญหน้ากับศัตรูที่ร้ายกาจกว่าที่พวกเราเคยพบเจอมา...”
ยามเช้าตรู่ของอีกวัน แสงแรกของดวงอาทิตย์สาดส่องลอดเข้ามาในห้องพักที่อบอุ่น เอเรนสะดุ้งตื่นขึ้นมาอย่างกะทันหัน ความรู้สึกว่างเปล่าบางอย่างเข้าครอบงำจิตใจของเขา
“ลีร่า...” เอเรนเอ่ยเสียงแผ่ว ฃ
แต่ไม่มีเสียงตอบกลับมา เอเรนลุกขึ้นจากเตียงอย่างรวดเร็ว เขากวาดสายตามองไปทั่วห้องพัก และพบว่า ลีร่าหายออกไปจากห้องแล้ว!
ความตกใจและความกังวลเข้าครอบงำจิตใจของเอเรนอย่างรวดเร็ว เขาไม่รู้ว่าลีร่าหายไปไหน และเธอหายไปเพราะเหตุใด
“เซเลเน่...” เอเรนพึมพำกับตัวเอง เขามองไปที่เตียงที่อยู่ข้างๆ และพบว่า เซเลเน่ กำลังนอนหลับอย่างสงบ
แต่แล้ว... เซเลเน่ก็ค่อยๆ ลืมตาขึ้นช้าๆ ดวงตาสีแดงเลือดของเธอมองมาที่เอเรนด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความสงสัย ก่อนที่รอยยิ้มบางๆ จะปรากฏขึ้นที่มุมปากของเธอ
“พี่ชาย...” เซเลเน่เอ่ยเสียงแหบพร่า
“ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่”
เอเรนเลิกคิ้วอย่างฉงน ชายหนุ่มเต็มไปด้วยความสงสัยกับคำถามที่เอ่ยขึ้น
“หมายความว่ายังไง”
“พี่…รีบหนีไป”


แสดงความคิดเห็น