บทที่ 36 พันธะที่แข็งแกร่ง
บทที่ 36 พันธะที่แข็งแกร่ง
ลีร่าหลับตาลงอย่างสงบภายในห้องฝึกใต้ปราสาท เธอพยายามรวบรวมสมาธิเพื่อทำความเข้าใจพลังแห่งจิตวิญญาณของตัวเองอย่างที่แม็กนัสสอน มันไม่ใช่เวทมนตร์ทั่วไป แต่เป็นพลังที่บริสุทธิ์และอบอุ่นที่สามารถรักษาวิญญาณได้
ทันใดนั้นเอง ภาพภายในห้วงสำนึกของเธอก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง จากความสงบเงียบ กลายเป็นเปลวเพลิงสีแดงฉานที่ลุกโชนอยู่ทุกทิศทาง พร้อมกับเสียงคำรามก้องของ อีเร็น ศาสตราโลหิตที่ถูกผนึกไว้ในจิตใจของเธอ
“แก... จะทำอะไร!” เสียงดุดันของอีเร็นดังขึ้น
“พลังของแก... มันอ่อนแอเกินไป... อย่าได้คิดที่จะควบคุมข้า!”
ลีร่ารู้สึกถึงแรงกดดันมหาศาลที่พุ่งเข้ามาจากทุกทิศทาง ราวกับปีศาจร้ายกำลังพยายามฉีกกระชากจิตใจของเธอให้ขาดออกจากกัน เธอพยายามรวบรวมพลังเวทมนตร์เพื่อต่อต้าน แต่พลังของอีเร็นนั้นรุนแรงเกินกว่าที่เธอจะรับมือได้ไหว
“ฉัน... จะไม่ยอมให้เธอ... มาควบคุมฉันอีก” ลีร่าตะโกนอย่างมุ่งมั่น เธอใช้พลังแห่งจิตวิญญาณที่บริสุทธิ์ของเธอ สร้างบาเรียสีขาวขึ้นมาโอบล้อมจิตใจของเธอไว้
“ไร้ประโยชน์!” อีเร็นคำราม
“แกเป็นเพียงภาชนะ... ที่จะต้องยอมจำนนต่อข้า!”
เปลวเพลิงสีแดงฉานพุ่งเข้าใส่บาเรียสีขาวของลีร่าอย่างรุนแรง บาเรียเริ่มสั่นไหวและแตกร้าวอย่างช้าๆ แต่ลีร่าก็ไม่ยอมแพ้ เธอพยายามใช้พลังทั้งหมดเพื่อรักษาบาเรียเอาไว้
“ฉัน... มีหน้าที่ปกป้อง...” ลีร่ากระซิบ “ปกป้องเอเรน... ปกป้องเซเลเน่... ฉันจะไม่ยอมให้แก... ทำร้ายพวกเขา!”
คำพูดของลีร่าราวกับสายฟ้าฟาดเข้าสู่จิตใจของอีเร็น เปลวเพลิงสีแดงฉานเริ่มหรี่แสงลงอย่างช้าๆ อีเร็นคำรามด้วยความเจ็บปวดและสับสน แต่แล้ว... ก็ต้องยอมจำนนต่อจิตใจที่แข็งแกร่งของลีร่า
ลีร่าลืมตาขึ้นอีกครั้ง เหงื่อไหลอาบใบหน้าจนชุ่ม เธอหอบหายใจอย่างหนัก แต่ในดวงตาคู่คมสีแดงฉานนั้นเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นที่ไม่เคยมีมาก่อน แม็กนัส องค์ราชาแห่งอาณาจักรแห่งตอนเหนือยืนมองเธออยู่ด้วยรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความพึงพอใจ
“เจ้าทำได้...” แม็กนัสกล่าว
“เจ้าสามารถที่จะต่อต้านพลังของอีเร็นได้”
ลีร่าพยักหน้าอย่างอ่อนแรง “ฉัน... ฉันรู้สึกเหมือน... มีคนกำลังแย่งชิงจิตใจของฉัน...”
“ใช่… ศาสตราโลหิตนั้นจะแย้งชิงจิตใจขของผู้ที่ใช้มัน… และมันจะดูดกลืนวิญญาณของคนที่ใช้ โดยเฉพาะศาสตราวิญญาณอีเร็น แต่ถ้าเจ้าสามารถที่จะเปิดใจให้มันยอมรับในตัวเจ้าได้... เจ้าก็จะสามารถที่จะควบคุมมันได้อย่างสมบูรณ์”
“เปิดใจ... อย่างนั้นหรอ”
“ใช่...เจ้าจะต้องเปิดใจให้มัน... ให้มันยอมรับว่า... เจ้าไม่ใช่แค่ภาชนะ... แต่เจ้าคือผู้ปกครองมัน...”
คำพูดของแม็กนัสทำให้ลีร่าครุ่นคิดอย่างหนัก เธอไม่เคยคิดว่าการควบคุมศาสตราโลหิตจะต้องใช้จิตใจที่แข็งแกร่งถึงเพียงนี้ แต่ในขณะเดียวกัน เธอก็รู้สึกถึงความมุ่งมั่นที่จะทำมัน เพื่อเอเรน และเซเลเน่
ในเวลาเดียวกันนั้น... เอเรนยังคงนั่งสมาธิอย่างสงบในห้องโถงที่เงียบสงัด เขาลืมตาขึ้นช้าๆ มองดาบนิล อีเร็น ที่วางอยู่ตรงหน้าด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่น เขาพยายามที่จะสื่อสารกับจิตวิญญาณของดาบ แต่ก็ไม่มีเสียงใดๆ ตอบกลับมา มีเพียงความเงียบงันและความเย็นชาที่แผ่ออกมา
เอเรนถอนหายใจอย่างอ่อนแรง เขาไม่สามารถสื่อสารกับดาบนิลได้ การฝึกฝนของเขายังคงไร้ผล เขายังคงเป็นเพียงผู้ใช้ดาบ แต่ยังไม่สามารถที่จะเป็นหนึ่งเดียวกับมันได้อย่างที่แม็กนัสสอน
“เราตองทำยังไง...”เราจะสื่อสารกับมันได้ยังไง...”
ร่ง
เอเรนหลับตาลงอีกครั้งเพื่อดำดิ่งไปในโลกข้างในจิตใจของตนเอง เขาปล่อยกายให้ล่องลอยอยู่ในห้วงสำนึกที่ว่างเปล่า มีเพียงความเงียบสงบที่น่าประหลาดใจ
นานแค่ไหนไม่รู้... ราวกับเป็นชั่วนิรันดร์ เอเรนก็รู้สึกถึงแรงดึงดูดบางอย่างที่ดึงเขาลงไปสู่ส่วนที่ลึกที่สุดของจิตใจ และเมื่อเขาลืมตาขึ้นอีกครั้ง เขาก็พบว่าตนเองยืนอยู่หน้า ประตูทั้งแปดบาน ที่ตั้งเรียงรายกันอย่างสง่างาม ประตูแต่ละบานมีลวดลายและสีสันที่แตกต่างกันไป บางบานสลักเป็นรูปเปลวเพลิงที่ลุกโชน บางบานสลักเป็นรูปเกล็ดน้ำแข็งที่เย็นยะเยือก บางบานสลักเป็นรูปดาบที่ทรงพลัง และบางบานก็สลักเป็นรูปที่ดูมืดมิดและน่าสะพรึงกลัว
เอเรนรู้ทันทีว่าประตูเหล่านี้คืออะไร... มันคือ ศาสตราโลหิตทั้งแปด ที่แม็กนัสเคยเล่าให้ฟัง เขาค่อยๆ เดินเข้าไปใกล้ประตูบานแรกที่สลักเป็นรูปดาบที่ทรงพลัง มือของเขาสั่นเล็กน้อยเมื่อสัมผัสกับประตูนั้น
“ในที่สุด... เราก็ได้เจอกัน” เอเรนพึมพำกับตัวเอง เขารู้สึกถึงพลังที่แข็งแกร่งและทรงพลังที่ซ่อนอยู่ในประตูบานนั้น เอเรนหลับตาลงอีกครั้ง เขารวบรวมสมาธิทั้งหมดที่มี เพื่อที่จะเปิดประตูบานนั้น
แต่แล้ว... ก่อนที่เขาจะเปิดประตูได้สำเร็จ เสียงของ ลีร่า ก็พลันดังขึ้นในห้วงสำนึกของเขา
“เอเรน! อย่าเปิดมันนะ!” เสียงของลีร่าดังขึ้นอย่างร้อนรน
“มันยังไม่ถึงเวลา”
คำพูดของลีร่าราวกับสายฟ้าฟาดเข้าสู่จิตใจของเอเรน เขาเบิกตากว้างด้วยความตกใจ ห้วงสำนึกที่ว่างเปล่าพลันสลายหายไป เขากลับมาสู่โลกแห่งความเป็นจริงอีกครั้ง
เอเรนลืมตาขึ้นช้าๆ เหงื่อกาฬไหลอาบใบหน้าจนชุ่ม ร่างกายของเขาสั่นเทาด้วยความหวาดกลัวที่ยังคงหลงเหลือจากฝันร้าย ดวงตาคู่คมของเขากวาดมองไปรอบๆ ห้องฝึกอย่างตื่นตระหนก ก่อนจะค่อยๆ คลายความตึงเครียดลง


แสดงความคิดเห็น