บทที่ 35 โลกในจิตใจ
บทที่ 35 โลกในจิตใจ
เอเรนยังคงนั่งสมาธิอย่างสงบในห้องโถงที่เงียบสงัด เขาหลับตาลง พยายามสื่อสารกับจิตวิญญาณของดาบนิล อีเร็น อย่างที่แม็กนัสสอน แต่จิตใจของเขากลับไม่สงบอย่างที่คิด ภาพในอดีตที่เขาพยายามจะลืมเลือนกลับย้อนกลับมาฉายชัดในห้วงสำนึก...
เอเรนในร่างเดิมกำลังยืนอยู่กลางวงแหวนอัญเชิญขนาดใหญ่ แสงสีทองส่องประกายเจิดจ้าจนเขาต้องหลับตาลง เมื่อลืมตาขึ้นอีกครั้ง เขาก็พบว่าตนเองอยู่ในห้องโถงที่ไม่คุ้นตา รายล้อมไปด้วยผู้คนที่สวมชุดหรูหราและเกราะเหล็กแวววาว
“ในที่สุดก็มา... ผู้กล้าที่ถูกอัญเชิญมาจากโลกอื่น...” เสียงทุ้มนุ่มทว่าทรงอำนาจของ องค์ราชาแห่งอาณาจักรแห่งตอนใต้ ดังขึ้น
เอเรนยืนนิ่งด้วยความสับสนและหวาดกลัว ก่อนที่ร่างของหญิงสาวคนหนึ่งจะก้าวเข้ามาใกล้ เธอมียิ้มที่อบอุ่นและดวงตาที่อ่อนโยน “ไม่เป็นไรนะ ท่านผู้กล้า...” เธอเอ่ย
“ต่อให้ท่านจะต้องเจอกับมอนสเตอร์ที่น่าหวาดหวั่นแค่ไหน... แต่พวกเราจะอยู่ข้างๆ ท่านเอง...”
รอยยิ้มและคำพูดของ องค์หญิง ทำให้เอเรนรู้สึกอบอุ่นในใจ เขาเชื่อในความจริงใจของเธอ และพร้อมที่จะทำทุกอย่างเพื่อปกป้องโลกใบนี้ที่เขาเพิ่งรู้จัก
หลังจากนั้น เอเรนก็เริ่มออกเดินทางไปยังสถานที่ต่างๆ ในอาณาจักร เขาได้พบเจอกับผู้คนมากมาย ได้เรียนรู้เรื่องราวของโลกใบนี้ และได้ใช้พลังของผู้กล้าที่เพิ่งได้รับมาช่วยเหลือผู้คน เอเรนช่วยชาวบ้านที่กำลังถูกมอนสเตอร์ระดับต่ำอย่างพวกสไลม์คุกคาม ช่วยเหลือหมู่บ้านที่ขาดแคลนน้ำ และช่วยเหลือผู้ที่กำลังเดือดร้อนต่างๆ
เขาได้ใช้ชีวิตในโลกใบนี้อย่างมีความสุข... และความสุขนั้นก็ทำให้เขาลืมไปว่าเขาเป็นเพียงอาวุธที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อใช้ในการทำสงคราม
ภาพต่างๆ ฉายชัดในห้วงสำนึกของเอเรน... ภาพของเขาที่หัวเราะกับองค์หญิงและเหล่าอัศวินที่เคยเป็นเพื่อน... ภาพของเขาที่ช่วยชาวบ้านที่อ่อนแอ... ทุกภาพเป็นความทรงจำที่สวยงาม...
แต่แล้ว... ภาพความสุขเหล่านั้นก็พลันเลือนหายไป...
ภาพความมืดเข้าครอบงำ ราวกับโลกทั้งใบกำลังแตกสลายไปต่อหน้าต่อตา ภาพของอดีตผู้กล้าที่เคยเป็นเพื่อนพ้องของเขาปรากฏขึ้น พวกเขายืนล้อมวงอยู่ พร้อมกับรอยยิ้มเย็นชาที่เต็มไปด้วยการทรยศ องค์หญิงเดินเข้ามาใกล้ด้วยใบหน้าที่ไร้อารมณ์ พร้อมกับเวทมนตร์สีขาวที่พุ่งเข้าสู่ร่างของเขา พลังเวทมหาศาลของเขาถูกสูบออกไปจนหมดสิ้น เหลือไว้เพียงความว่างเปล่าและบาดแผลที่ไม่มีวันสมาน
“เพรอะว่าท่านต้องเป็นเพียงอาวุธ... ที่เราสามารถใช้งานได้เท่านั้น” องค์หญิงตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา
“และอาวุธ... ก็ไม่สมควรมีจิตใจเป็นของตัวเอง”
ภาพความมืดเข้าครอบงำ ราวกับโลกทั้งใบกำลังแตกสลายไปต่อหน้าต่อตา เอเรนลืมตาขึ้นอีกครั้งในความมืดมิดของห้วงสำนึก โดยมีเพียงความแค้นที่คอยกัดกินเขาอยู่เพียงลำพัง
เอเรนสะดุ้งตัวตื่นขึ้นจากห้วงภวังค์ เหงื่อกาฬไหลอาบใบหน้าจนชุ่ม ร่างกายของเขาสั่นเทาด้วยความหวาดกลัวที่ยังคงหลงเหลือจากฝันร้าย ดวงตาคู่คมของเขากวาดมองไปรอบๆ ห้องฝึกอย่างตื่นตระหนก ก่อนจะค่อยๆ คลายความตึงเครียดลง
เขาเงยหน้าขึ้นมองดาบนิล อีเร็น ที่วางอยู่ตรงหน้า ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความเศร้าและแค้นเคือง
‘ฉัน... จะไม่ยอมให้มันเกิดขึ้นอีก... ฉันจะต้องแข็งแกร่งขึ้น... เพื่อที่จะได้ไม่เป็นอาวุธของใคร... และเพื่อที่จะได้ไม่ถูกทอดทิ้งอีกครั้ง...’
ความมุ่งมั่นนั้นแผ่ซ่านออกมาจากตัวเอเรนอย่างรุนแรง พลังเปลวเพลิงสีดำอมแดงปะทุขึ้นจากร่างของเขาอีกครั้ง เขาไม่สนใจอดีตที่แสนโหดร้ายอีกต่อไปแล้ว ตอนนี้เขามีแต่ความมุ่งมั่นที่จะแข็งแกร่งขึ้น เพื่อปกป้องตัวเองและคนที่เขารัก และเพื่อล้างแค้นให้กับสิ่งที่เคยเกิดขึ้น
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 108
- 👍 ถูกใจ


แสดงความคิดเห็น