บทที่

-A A +A

บทที่

 

 

 

 

 

 

 

ณ หมู่บ้านแห่งหนึ่งหมู่บ้านแห่งนี้มีคนอยู่ไม่มากนัก ผู้คนส่วนใหญ่ในหมู่บ้านแห่งนี้ จะสร้างบ้านไม้ที่ไม่ได้ห่างไกลกันมากนักเพื่อป้องกันโจรผู้ร้าย หมู่บ้านแห่งนี้เต็มไปด้วยพืชพันธุ์นานาชนิด ผู้คนอาศัยอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขโดยที่ไม่สนใจโลกพายนอกเพราะพวกเขามีทั้งอาหาร ยารักษาโรค ที่อยู่อาศัย และเครื่องนุ่งห่มอย่างพร้อมสับ

 

ในตอนช้าวผู้คนส่วนใหญ่จะออกไปหาอาหาร บ้างก็ไปเพาะปลูกพืช บ้างก็ไปทำนา

 

ซึ่งจะแตกต่างกับหมู่บ้านอื่นที่บ้างก็จะถูกมอนสเตอร์โจมตี บ้างก็จะถูกโจรผู้ร้ายบุก ซึ่งหากถามว่าทำไมหมู่บ้านนี้ถึงไม่มีเหตุการณ์แบบนี้ก็เป็นเพราะ พวกเขามีผู้ที่มีพลังเวทอันมหาสารได้ใช้บาเรียปกป้องพวกเขาไว้

 

ซึ่งผู้ที่ปกป้องพวกเขาได้อาศัยอยู่ท้ายหมู่บ้าน 

 

ผู้แข็งแกร่งได้อาศัยในบ้านหลังหนึ่ง บ้านหลังนี้เป็นบ้านไม้ขนาดใหญ่ที่มีสามชั้น พื้นที่อันกว้างใหญ่ของบ้านทำให้ชาวบ้านที่เดินผ่านไปผ่านมาต้องมองด้วยความประหลาดใจ เพราะคนที่อาศัยอยู่ที่บ้านไม้หลังนี้มีแค่สามแม่ลูกเท่านั้น

 

สามคนที่อยู่ในบ้านหลังนี้คือ ผู้หญิงคนแรกเป็นแม่ชื่อว่าเมเปิ้ลเป็นคนที่กลางอาณาเขตเพื่อปกป้องพวกเขา ส่วนอีกสองคนเป็นเด็กสาวที่มีรูปร่างอันงดงาม

 

เมื่อแสงอาธิตย์ยังไม่โผล่พ้นขอบฟ้า เด็กสาวคนหนึ่งได้ตื่นขึ้นเพื่อมาดูแสงอาทิตย์ขึ้นในยามเช้า สายลมพัดอ่อน ๆ ทำให้เห็นถึงผมสีฟ้าที่ยาวสลวย ดวงตาสีดำ ส่วนสูงประมาณ 148 ซม. ใบหน้ารูปไข่ รูปร่างสมส่วน เธอกำลังดูธรรมชาติยามเช้าด้วยความเพลิดเพริน ในขณะเดียวกันน้องสาวของเธอก็กำลังฝึกการต่อสู้อยู่ไม่ห่างไปนัก

 

แต่ทันใดนั้นเอง เธอก็ตกใจจนทำอะไรไม่ถูก เมื่อเธอได้เห็นแสงบางอย่างกำลังพุ่งตรงมาทางที่เธอยืนอยู่ 

 

“กรี๊ด!” เธอร้องพร้อมนำมือชี้ไปยังแสงปริศนา

 

สิ้นคำร้องเด็กสาวผมสีทองก็ปรากฏกายขึ้นตรงหน้าพี่สาวของเธอในทันที “พี่ มันเกิดอะไรขึ้นน่ะ” 

 

“เธอดูนั่นสิ” รินชี้นิ้วไปที่แสงสีเหลืองที่กำลังพุ่งตรงมาหาพวกเธอ 

 

 

 

แสงสีเหลืองได้ชนกับบาเรียสีฟ้าทำให้เกิดแสงสว่างเจิดจ้า เมื่อพวกเธอได้มองมันนาน ๆ พวกเธอก็รู้สึกแสบตาทำให้พวกเธอต้องหลับตาลง 

 

“นี่มันอะไรกัน” จีน่าหันมาพูดกับรินที่อยู่ข้าง ๆ 

 

“ไม่รู้สิ ฉันกำลังมองท้องฟ้าอยู่ดี ๆ ฉันก็เจอแสงนี้กำลังพุ่งตรงมา”

 

“มอนสเตอร์หรือปล่าว” จีน่ามองไปยังแสงอีกครั้ง เด็กสาวผมสีทองกว่าตาสีฟ้าต้องมองบาเรียที่ทำท่าจะพังมิพังแหล่ เธอตัดสินใจวาดวงเวทย์ทันใดนั้นเองดาบสีดำขนาดไม่ใหญ่มากนักก็ปรากฏ จีน่าชี้ใบดาบเพื่อเตรียมตัวรับการโจมตีที่อาจจะเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ 

 

“บาเรียจะพังหรือปล่าวเนี่ย” รินหันไปถามน้องของเธอ เด็กสาวผมสีฟ้ามองท่าทางของจีน่า สำหรับเธอที่ไม่มีความสามารถในการต่อสู้ กูต้มคอยเอาใจช่วยน้องสาวของเธออย่างเดียวเท่านั้น 

 

“หนูจะไปรู้ได้ไง หนูไม่ได้สร้างนี่นา พี่รินรีบไปตามแม่มาดูเร็วเข้า”

 

“อย่ามาสั่งฉันนะ จีน่า เธอนั่นแหละต้องไป ตรงนี้มันอันตราย” เธอออกคำสั่งกับน้องสาวของเธอ แต่จีน่าก็ไม่สนใจ เมื่อรินเห็นดังนั้นเธอจึงตัดสินใจพูดย้ำอีกครั้งแต่ก่อนที่เธอจะได้กล่าวอะไรเพิ่มเติมน้องสาวของเธอก็แแหวกลับมาเสียก่อน 

 

“ขอโทษนะ คนที่ใช้เวทมนต์ไม่ได้อย่างพี่จะไปทำอะไรได้ พี่เชื่อฉันดีกว่าไปตามแม่มาอย่างน้อยเราจะได้มีคนช่วยยังไงล่ะ”

“ไม่” รินพูดพร้อมก้าวขาไปยืนบังหน้าของจีน่าต่อให้เธอจะไม่มีความสามารถทางด้านเวทมนต์สู้น้องสาว แต่ไม่มีพี่สาวคนไหนที่จะให้น้องไปตกอยู่ในอันตราย 

 

            ผ่านไปไม่นานแสงนั้นก็เข้ามาข้างในบาเรีย ทำให้พวกรินมองเห็นมันได้ชัดเจนมากขึ้น 

 

“ข้างในนั้นมันมีอะไรอยู่” จีน่าชี้ไปยังลำแสงทำให้รินจ้องตาม

 

“คนหรือปล่าว” เด็กสาวใช้สายตาเป็นเชิงถาม ทว่าพ่อเห็นจีน่าถ่ายหัวเด็กสาวก็ละแต่สายตาในทันที

 

“จะบ้าหรอ ใครจะไปอยู่ในนั้นได้กัน” จีน่าพูดเมื่อแสงตรงหน้าค่อย ๆ กลายเป็นบาเรียอย่างช้า ๆ 

 

 

 

 รินจ้องมองไปข้างในแสงอย่างตั้งใจ ก่อนที่เธอจะอุทานขึ้น “แต่ว่า นี่มันเวทมิตินี่นา”

            จีน่าเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม สำหรับเธอมันมีไม่กี่คนในโลกนี้ที่จะสามารถใช้ได้ หนึ่งในนั้นก็คือเธอและอีกหนึ่งในนั้นก็คือแม่ของเธอ “ตั้งแต่ที่ฉันเกิดมาฉันไม่เคยเห็นเคยใช้เวทย์มิตินอกจากแม่แล้วก็ฉันเลย”

 

“มันก็ไม่แน่หรอก พ่อยังใช้ได้เลย” 

 

สิ้นคำกล่าวของริน จีน่าพลันมีท่าทางไม่พอใจ สำหรับเธอคำคำนี้เป็นสิ่งที่เด็กสาวไม่อยากได้ยินมากที่สุด “ทำไมต้องพูดถึงหมอนั่นด้วย”

 

“อย่าพูดแบบนั้นสิ ยังไงเขาก็เป็นพ่อของเรานะ”

 

“ชิ พ่อที่ไม่เคยกลับบ้านเนี่ยนะ” 

 

ในระหว่างที่พวกเธอกำลังเถียงกัน แสงนั้นก็ได้เร่งความเร็วจนมาตกลงตรงหน้าพวกเธอ 

 

“พี่รีบถอยไปเร็ว” จีน่าพูดด้วยความเป็นห่วง เด็กสาวจับดาบในมือนั่นก่อนที่จะค่อยๆก้าวเท้าไปยังบาเรียเบื่องหน้า

 

“เธอนั่นแหละต้องออกมา ถึงฉันจะใช้เวทมนต์ไม่ได้ แต่หน้าที่ของพี่สาวก็ต้องปกป้องน้องสาว” รินไม่ยอม

 

“จะบ้าหรอ พี่ยังใช้เวทมนต์ไม่ได้เลยนะ ถ้ามีปีศาจออกมาจะทำไง “

 

“ก็พี่บอกแล้วไงว่าข้างในนั้นมันเป็นคน” รินเถียงกลับในทันที เด็กสาวชี้ให้น้องสาวของเธอมองร่างของเด็กน้อยผู้หนึ่งที่กำลังนอน เลือดของเด็กน้อยตรงหน้าไหลออกมาไม่หยุด 

 

เมื่อจีน่าเห็นดังนั้นก็จ้องมองไปยังลำแสงตรงหน้า

 

ภาพเบื้องหน้านั่นก็คือเด็กชายที่มีอายุใกล้เคียงกับพวกเธอ เขามีผมสีทอง ส่วนสูงใกล้เคียงกับรินตอนนี้เขากำลังนอนสลบอยู่ที่พื้นพร้อมทั้งมีเลือดไหลออกมาทั่วตัว

 

“นี่มัน … นี่มันอะไรกัน ทำไมในแสงถึงมีคนอยู่ได้” จีน่าพูดพร้อมทั้งเดินเข้าไปใกล้ร่างที่ไร้สติ เธอจ้องมองคนตรงหน้าอย่างสงใส

 

“ถึงเธอจะถามอย่างนี้แต่พี่ก็ไม่รู้หรอกนะ ” รินตอบพร้อมทั้งเดินนำ เธอตัดสินใจคุกเข่าก่อนที่จะมองเพื่อสำรวจอาการบาดเจ็บของเด็กตรงหน้า 

 

“พี่จะทำอะไร มันอันตรายออกมา” 

 

“เธอจะบ้าหรือไง คนที่จะตายอย่างนี้ต่อให้คนที่ไม่มีพลังเวทอย่างฉันก็ไม่เป็นไรหรอกน่า”

 

รินชี้นิ้วไปยังร่างที่สะบักสะบอมตรงหน้า “ดูสภาพร่างกายที่ยับเยินนี่สิ ขอให้หมอนี่มีพลังเวทย์ที่แสนร้ายกาจหยุดปีศาจเขาก็ไม่มีทางทำอะไรฉันได้ ต่อให้จะยืนก็ยังไม่ไหวแบบนี้ถ้าปล่อยเอาไว้ก็มีแต่รอความตายเท่านั้น ฉันเธอกังวลไปเองแล้วล่ะ เชื่อฉันสิเนี่ยแค่ฉันเอานิ้วจิ้มเขาก็ตายได้เลยนะ”

 

“แต่ว่า .. แต่ว่า เราก็ต้องป้องกันเอาไว้ก่อนสิ” จีน่ากล่าว ในขณะที่สายตาของหล่อนก็กวาดมองไปรอบๆบริเวณอย่างระมัดระวัง สำหรับเธอเรื่องแบบนี้มันอันตรายยิ่งกว่าการเจอสัตว์อสูร ในป่าลึกเสียอีก 

 

เมื่อรินได้ยินอย่างนั้นเธอจึงถอนหายใจออกมาและมองยังน้องสาวของเธอ

 

“เฮ้อ เธอนี่นะ ดูดี ๆ สิ นั่นมันคนนะ ไม่ใช่ปีศาจหรือมอนสเตอร์สักหน่อย”

 

รินพูดพร้อมเก้าเท้าเข้าไปใกล้ชายตรงหน้า ชายตรงหน้านั้นมีบาดแผลทั่วตัวเลือดของเขาไหลย้อมหญ้าอันเขียวขจีจนเป็นสีแดงฉาน เมื่อหญิงสาวมองดูดีดีก็พบว่าบาทแผของชายตรงหน้าส่วนใหญ่นั้นเกิดจากการเสียดสีของเวทมนตร์ เด็กสาวผมสีฟ้าไม่ต้องเสียเวลาสันนิษฐาน หล่อนก็รับทราบได้โดยสัญชาตญาณ บ่บาดแผลส่วนใหญ่ที่เกิดนั้นมันเกิดตอนที่พลังเวทย์ทั้งสองปะทะกัน 

 

“นี่เขาตายหรือยัง” จีน่าถามพร้อมชะโงกหน้าเข้ามาดูใกล้ ๆ เธอพยายามมองหากิ่งไม้เล็กๆเพื่อที่จะเอามาเขี่ยร่างของชายตรงหน้า 

 

“ยังไม่ตายหรอก ดูสิหน้าอกยังขยับอยู่เลยแสดงว่ายังมีลมหายใจอยู่ ถ้าจะให้พี่สันนิษฐานก็น่าจะเกิดจากการเสียดสีของเวทมนตร์ทำให้เกิดบาดแผลขนาดใหญ่ อาการที่น่าจะเกิดขึ้นก็คือการเสียเลือดมาก”

 

เสียงที่กำลังเถียงกันอย่างออกรถออกชาติ ทำให้เด็กหนุ่มตัดสินใจลืมตาตื่นขึ้น เขาต้องพบกับความเจ็บปวดที่ประดังเข้าสู่ร่างกายก่อนที่จะตัดสินใจกัดฟันพูดกับผู้หญิงตรงหน้า

 

“นี่ฉันยังไม่ตายสักหน่อย พวกเธอน่ะ ถ้าจะเอาเวลามาเถียงกันช่วยหาวิธีรักษาฉันหน่อย”

 

 พอพวกเธอได้ยินเสียงของเด็กชายพวกเธอจึงหันมามองเขาอีกครั้ง

 

“นี่ เป็นไงบ้าง” รินได้นั่งลงและนำมือมาจับชีพจรของเขาทันที

 

‘เจ็บชิบหายเลย ไม่ไหวแล้ว’ เด็กชายคิดพร้อมทั้งหลับตาลง

“เขาสลบไปแล้ว”

 

“งั้นก็ต้องพาเขาไปรักษาที่บ้านของเราสิ”จีน่าพูดพร้อมทั้งเตรียมตัวจะอุ้มเด็กชายไป ทว่ารินกลับกล่าวขัดเสียก่อน

 

“ไม่ได้ เราต้องดูก่อนว่าเขามีบาดแผที่อื่นอีกไหม”

 

“งั้นไปตามแม่มาดูดีกว่า” เมื่อจีน่าพูดจบเธอก็เตรียมตัวที่จะวิ่งกลับไปทันที

 

จีน่าหันไปมองรินอีกครั้งพร้อมทั้งใช้มืออันขาวนวลของเธอวาดวงเวท เพื่อใช้เวทมิติ ทว่าเด็กสาวก็ต้องหยุดเมื่อสายตาของจีน่าได้มองเห็นแม่ของเธอกำลังก้าวเท้ามาตรงที่ที่พวกเธอยืนอยู่ด้วยความรวจเร็ว

 

หญิงสาวที่กำลังเดินตรงมาเธอมีผมสีฟ้ายาวจนถึงกลางหลัง หน้าตาสะสวยถ้าทางใจดีและมีหน้าตาเหมือนกับเด็กทั้งสอง

 

“ทำไมยังไม่ไปอีก” รินพูดขึ้น ในขณะที่สายตาของเธอก็จับจ้องมองสภาพของคนป่วยปางตายตรงหน้า ศีรษะของหญิงสาวคุ้นคิดถึงวิธีรักษา ที่เธอได้ร่ำเรียนมาตั้งแต่เด็ก ๆ แต่เนื่องด้วย คนป่วยคนนี้เป็นคนป่วยรายแรกที่มีอาการสาหัสปางตาย ทำให้เธอไม่รู้ว่าจะรักษาได้อย่างไร 

 

มือของเด็กสาวสั่นอย่างประหลาด อาการตื่นเต้นที่ไม่เคยเจอมาก่อนทำให้การรักษายิ่งดำเนินช้าไปอีก 

 

“พี่ก็หันกลับมามองก่อนสิ” จีน่าตะคอกกลับ เพิ่งมองท่าทางของพี่สาวของตน ทำให้เธอรู้ได้ไม่ยากว่าตอนนี้พี่ข่มขืนมีอาการตื่นเต้น โดยที่พี่สาวของเธอนั้นไม่ได้สำรวจสิ่งรอบข้างเท่าที่ควร 

 

เมเปิ้ล มองท่าทางลุกลี้ลุกลนของเด็กทั้งสองก่อนที่จะถอนหายใจออกมา

 

“เฮ้อ พวกลูกหยุดเถียงกันได้แล้ว เดี๋ยวเด็กคนนั้นก็ตายก่อนที่พวกลูกจะเถียงกันเสร็จหรอก” ผู้เป็นแม่ที่เพิ่งมาถึงพูดขึ้น

 

“แม่ แม่มาได้ไงคะ” พวกเธอพูดพร้อมกันโดยไม่ได้นัดกันไว้

 

“เสียงพวกลูกดังขนาดนี้ แม่จะไม่รู้ได้ไง” เธอพูดพร้อมทั้งเดินมาข้าง ๆ ลินและมองไปยังร่างที่ไร้สติตรงหน้า

 

เมื่อเธอได้เห็น เธอก็หันมามองลูกสาวของเธอ

 

“แม่ดูอาการของเด็กคนนี้เรียบร้อยแล้ว” เมเปิ้ลหันมามองรินด้วยความคาดหวัง ก่อนที่เธอจ๋ากล่าว 

 

“จากที่ดู บาดแผลลส่วนใหญ่ของเด็กคนนี้เกิดจากการเสียดสีตอนที่เด็กคนนั้นเดินทางผ่านมิติ” หญิงสาวชี้ก่อนที่จะอธิบายต่อ 

 

“ส่วนเลือดที่ออกมากขนาดนี้ เป็นเพราะเกิดจากการที่ตัวของเขาพุ่งฝ่าบาเรียของแม่เข้ามา หลังจากนั้นเด็กคนนี้ก็ร่วงลงพื้นใช่ไหม”

 

เธอหันมามองลินกับจีน่า แล้วเมื่อเธอเห็นว่าลูกทั้งสองของเธอพยักหน้าเธอจึงพูดต่อในทันที

 

“ถ้าอย่างนั้น จีน่าใช้เวทมนต์พาเด็กคนนี้กลับบ้านเราเร็วเข้า”

 

สิ้นเสียงคำสั่งของเมเปิ้ล เด็กสาวผมสีทองก็รีบวาดวงเวทย์ในทันที พิมพ์ไม่นานวงเวทสีสันสวยงามก็ปรากฏขึ้นพร้อมกับประตูมิติที่ค่อยๆเปิดออก เด็กสาวผมทองยิ้มนิดๆเนื่องจากเธอพบว่าวงเวียนของเธอสามารถทำงานได้ 

 

            เมื่อเมเปิ้ลเห็นดังนั้น หญิงสาวจึงรีบวาดวงเวทเพื่อป้องกันร่างกายของเด็กหนุ่มผมสีทอง บริษัทสีฟ้าปรากฏขึ้นพร้อมกับร่างของเด็กหนุ่มที่ล่องลอยขึ้นราวกับถูกมือบางอย่างมาจับไว้ หลังจากที่ร่างของเด็กหนุ่มลอยไปรับสายตา 

 

เมเปิ้ลก็กล่าวกับลูกสาวของตนเอง “ลินมากับแม่ เราจะไปเตรียมตัวรักษาเด็กคนนี้กัน”

 

            เมื่อจีน่าได้พาร่างอันไร้สติมาถึง เธอก็ค่อย ๆ วางร่างนั้นลงที่เตียงที่ใช้รักษาคนไข้ พอเธอวางร่างนั้นลงเสร็จในหัวของเธอก็เริ่มคิดถึงวิธีในการช่วยเหลือคนตรงหน้า

 

‘ก่อนอื่นก็ต้องล้างแผลก่อนสินะ’ สิ้นความคิด จีน่าก็รีบกวาดตามองหาผ้าพันแผล Person of you คู่หนึ่งเนื่องจากตลอดชีวิตเธอไม่เคยได้รับบาดเจ็บขนาดนี้มาก่อน 

 

‘มันต้องต้มน้ำร้อนแล้วเอาผ้าไปชุบน้ำร้อนก่อนหรือปล่าว รู้งี้น่าจะเรียนเวทรักษาบ้างนะเนี่ยเรา’

 

                  เธอขมวดคิ้ว ก่อนที่จะมองหาขวดน้ำ เพื่อมารักษาอาการบาดเจ็บของเด็กน้อยตรงหน้า ถึงแม้เธอจะไม่รู้ว่าเขาอายุเท่าไหร่ก็ตาม แต่สภาพร่างกายที่ผอมแห้งและเล็กน้อยทำให้เด็กสาวเขาคำนวณได้ว่าคนตรงหน้าคงอายุไม่ห่างจากพวกเธอมากสักเท่าไหร่ 

 

                  จีน่าหยิบขวดน้ำ ก่อนที่จะใช้เวทย์มนต์ อยู่ที่เธอไม่รู้เลยว่าเว็บหมดที่ใช้ต้มน้ำร้อนนั้นไม่สามารถใช้ได้แบบนี้ 

 

                  จีน่าเรียกไฟลูกเล็กๆขึ้นมาไว้บนฝ่ามือ ก่อนที่หญิงสาวจะเตรียมตัวต้มน้ำ ทว่า ขวดน้ำตรงหน้ากับระเบิดเสียงดังลั่น 

 

สิ้นเสียง พวกรินพลันรีบวิ่งมาในบ้าน เมเปิ้ลมองไปยังจีน่าเพื่อสำรวจว่าลูกสาวของเธอบาดเจ็บหรือปล่าว แต่พอเธอได้เห็น หญิงสาวก็รู้หน่อยสิว่าตอนนี้ลูกสาวของตนเองนั้นไม่ได้รับบาดเจ็บ ทำให้เธอถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก 

 

“เกิดอะไรขึ้น” รินตะโกนถามด้วยความตกใจ เด็กสาวมสำรวจน้องสาวของตนเองก่อนที่จะถอนหายใจไม่ต่างจากแม่ 

 

“ไม่รู้ หนูก็แค่จะต้มน้ำร้อน แต่เจ้าขวดนี่มันระเบิดขึ้นมา” เธอพูดพร้อมเริ่มมีน้ำตาไหลออกจากดวงตา

 

“ไม่เป็นไรหรอกจีน่า ไปเตรียมเสื้อผ้าให้กับเด็กคนนี้ดีกว่า” เสียงของเมเปิ้ลดังขึ้นเมื่อเธอเห็นลูกสาวของเธอกำลังจร้องไห้ เมเปิ้ลรู้ดีว่าจีน่านั้นถึงแม้ว่าข้างนอกเธอจะดูแข็งแกร่ง แต่ข้างในใจของเด็กสาวนั้นแสนจะอ่อนไหว

 

เด็กสาวขานรับก่อนที่จะเดินออกไปจากห้องพยาบาล “ก็ได้”

 

เมื่อประตูห้องปิดลง เมเปิ้ลก็เริ่มรักษา โดยที่มีลูกสาวอีกคนหนึ่งเธอกำลังจ้องมองท่าทางรักษาด้วยตาที่ไม่กระพริบ 

 

สำหรับเด็กสาวผมสีฟ้า มันเป็นโอกาสที่หายากมาก ที่เธอจะเห็นแม่ของตนเองรักษาคนป่วยด้วยพลังเวทย์มนต์ 

 

ตั้งแต่ที่เธอจำความได้ แม่ของเธอไม่เคยใช้พลังเวทย์รักษาผู้ป่วยคนไหนอาการไม่เข้าขั้นปางตายจริงๆ ทุกครั้งที่แม่ของเธอเริ่มการรักษา รินก็จะมองอย่างใครรู้ทุกครั้ง เพราะสำหรับเด็กสาวแล้วการรักษาคนอื่นมันเป็นเรื่องที่สุดยอดที่สุดในชีวิตที่เธออยากจะทำ 

 

ทว่าในโลกที่เวทมนต์เป็นเหมือนวิทยาศาสตร์ ผู้ที่ไม่มีความสามารถทางด้านเวทมนต์ก็จะไม่สามารถทำอะไรได้ ไม่ต้องหวังที่จะเป็นแพทย์อันดับหนึ่ง ถ้าเป็นคนธรรมดาก็ยังทำไม่ได้ 

 

“ลินดูแม่นะ แม่จะเริ่มจากการใช้เวทรักษาก่อน” เมเปิ้ลชูมือพร้อมทั้งวาดวงเวท ทันใดนั้นเอง ตรงหน้าของเธอก็มีวงเวทสีฟ้าปรากฏขึ้น วงเวทค่อย ๆ ซึมเข้าไปในตัวเด็กชาย

 

ทันใดนั้น วงเวทของเมเปิ้ลพลันแตกสลายในทันที พลังเวทย์ที่ส่งไปพลันหายไปกับตา “นี่มัน นี่มันอะไรกัน”

 

 

 

อับทุกสัปดาห์นะครับ

 

 

 

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 

ติดตามเราได้ที่

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ คัดลอก หรือนำไปดัดแปลงโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืนแล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบนิยาย เรื่องสั้น บทความ หรือเนื้อหาอื่นๆ ที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ที่ keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงานจะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018- keangun. All Rights Reserved.