บทที่ 32 ไขปริศนาแห่งศาสตรา
บทที่ 32 ไขปริศนาแห่งศาสตรา
“ในที่สุด... พวกเจ้าก็มาถึง” องค์ราชาแห่งอาณาจักรแห่งตอนเหนือกล่าว
“ข้ารอพวกเจ้าอยู่... ผู้ครอบครองพลังที่หายสาบสูญไปนานแล้ว”
เอเรนและลีร่าต่างตกตะลึงกับคำพูดขององค์ราชา พวกเขามองหน้ากันอย่างไม่เข้าใจ และมองกลับไปยังองค์ราชาที่ประทับอยู่บนบัลลังก์น้ำแข็งอย่างสง่างาม
“ท่าน... ท่านรู้เรื่องของพวกเราได้อย่างไร?” เอเรนถาม น้ำเสียงของเขายังคงเต็มไปด้วยความระแวดระวัง
องค์ราชาไม่ได้ตอบคำถามของเอเรน แต่กลับผายมือไปทางรูปปั้นของเหล่านักรบโบราณที่ตั้งเรียงรายอยู่ในห้องโถง “พวกเจ้าเห็นอะไรจากรูปปั้นเหล่านั้นบ้าง?”
เอเรนมองไปยังรูปปั้นเหล่านั้น มันเป็นรูปปั้นของนักรบที่สวมเกราะและถืออาวุธที่แตกต่างกันไป แต่สิ่งที่เหมือนกันคือดวงตาของพวกเขาที่ดูว่างเปล่าและไร้ซึ่งชีวิต
“รูปปั้นเหล่านั้น... คือนักรบผู้กล้าที่เคยปกป้องอาณาจักรแห่งนี้” องค์ราชาอธิบาย “แต่พวกเขาก็ถูกพลังของศาสตราโลหิตกัดกินจิตใจไป... จนในที่สุดพวกเขาก็เหลือแต่เพียงร่างที่ว่างเปล่า”
คำพูดขององค์ราชาทำให้เอเรนและลีร่าต่างตกตะลึง พวกเขาไม่เคยคิดว่าศาสตราโลหิตจะมีความสามารถเช่นนั้น
“และพวกเรา... ก็ได้เรียนรู้ที่จะควบคุมพลังนั้น...” องค์ราชากล่าวต่อ
“เราสามารถใช้พลังของศาสตราโลหิตเพื่อต่อสู้กับพวกอสูรได้... แต่ก็ต้องแลกมาด้วยจิตใจของเราเอง”
“แล้วท่าน... รู้ได้อย่างไรว่าพวกเราคือ...” เอเรนถาม
องค์ราชาลุกขึ้นยืนช้าๆ เขามองเอเรนด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเข้าใจ “เพราะพลังของเจ้า... และเด็กหญิงคนนั้น... คือผู้ครอบครองพลังที่หายสาบสูญไปนานแล้ว”
องค์ราชาเดินลงมาจากบัลลังก์ เขาหยุดยืนอยู่ตรงหน้ารูปปั้นรูปหนึ่งที่ถือดาบอันใหญ่โตและแข็งแกร่ง
“เมื่อนานมาแล้ว... ศาสตราโลหิตทั้งแปดถูกสร้างขึ้นที่อาณาจักรแห่งนี้” องค์ราชาเริ่มเล่าด้วยน้ำเสียงที่ทรงอำนาจและเต็มไปด้วยความเศร้า
“เพื่อเป็นเครื่องมือในการปกป้องโลก... แต่แล้ว... ราชาแห่งอาณาจักรตอนใต้... ก็แย่งชิงมันไป...”
“ศาสตราแต่ละชิ้นมีพลังที่แตกต่างกันไป...” องค์ราชากล่าว
“ชิ้นแรก... คือศาสตราวิญญาณ... ที่อยู่ในร่างของลีร่า... และถูกเจ้าใช้”
“ชิ้นที่สอง... เป็นศาสตราแห่งโลหิต... ที่จะดูดเลือดและเปลี่ยนเลือดของผู้ใช้ให้กลายเป็นอาวุธ...”
“ชิ้นที่สาม... เป็นศาสตราเทพ... ที่จะต้องมีจิตใจที่บริสุทธิ์ถึงจะใช้ได้...”
“ชิ้นที่สี่... เป็นศาสตราปีศาจ... ที่จะควบคุมจิตใจคนที่ได้ใช้...”
“ชิ้นที่ห้า... เป็นศาสตราแห่งเหมันต์... ที่ไม่มีผู้ใช้อยู่... มันถูกผนึกไว้ในอาณาจักรแห่งนี้”
“ชิ้นที่หก... เป็นศาสตราเพลิง...”
องค์ราชาเงียบไปครู่หนึ่ง เขามองไปยังดวงตาที่เต็มไปด้วยความสงสัยของเอเรนและลีร่า
“ชิ้นที่เจ็ด... เป็นศาสตราแห่งกาลเวลา... ที่จะทำให้ผู้ใช้สามารถหยุดเวลาได้...” องค์ราชากล่าวต่อ
“แต่ก็ต้องแลกมาด้วยพลังชีวิตของผู้ใช้...”
“และชิ้นที่แปด... เป็นศาสตราแห่งความว่างเปล่า... ที่จะทำให้ผู้ใช้สามารถสร้างอาวุธจากความว่างเปล่าได้... แต่ก็ต้องแลกมาด้วยจิตใจที่บริสุทธิ์ของผู้ใช้...”
คำพูดขององค์ราชาทำให้เอเรนและลีร่าต่างตกตะลึง พวกเขาไม่เคยคิดว่าจะมีศาสตราโลหิตที่มีพลังที่หลากหลายถึงเพียงนั้น
“แล้ว... เซเลเน่ล่ะ?” เอเรนถาม
“เธอเกี่ยวข้องกับศาสตราโลหิตอย่างไง”
องค์ราชามองไปยังเซเลเน่ที่ยังคงหลับอยู่ “เซเลเน่... คือลูกหลานของพวกเรา... ผู้ที่รอดชีวิตจากสงครามครั้งนั้น”
คำพูดขององค์ราชาทำให้เอเรนและลีร่าต่างตกตะลึง พวกเขาไม่คิดว่าเซเลเน่จะมีเชื้อสายเดียวกับองค์ราชา
“แล้วทำไม... เธอถึงมาอยู่กับพวกเราได้?” ลีร่าถาม
องค์ราชาหันมามองลีร่าด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความเมตตา
“เพราะพลังของเจ้า... ที่บริสุทธิ์... และเพราะจิตใจของเจ้า... ที่ไม่ถูกพลังของศาสตราโลหิตกัดกิน...” เขาตอบ “เซเลเน่... จึงเลือกที่จะอยู่กับพวกเจ้า”
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 133
- 👍 ถูกใจ


แสดงความคิดเห็น