บทที่ 23 เงาแห่งการทรยศ

-A A +A

บทที่ 23 เงาแห่งการทรยศ

 

 

บทที่ 23 เงาแห่งการทรยศ

 

ที่เอเรน ลีร่า และเซเลเน่กำลังพักผ่อนอย่างสงบในถ้ำ

ทางอาณาจักรได้เริ่มมีพวกอัศวินได้เริ่มสังหารคนที่มีความเกี่ยวข้องกับอดีตผู้กล้า

 

กลุ่มนักสำรวจ กลุ่มหนึ่งที่เคยช่วยเหลือ เอเรน ผู้กล้าที่ถูกลืมเลือน ระหว่างการเดินทางในป่า ก็กำลังตั้งแคมป์อยู่ใกล้ลำธาร พวกเขาเป็นกลุ่มคนที่เคยมีน้ำใจหยิบยื่นอาหารและน้ำให้เอเรนในช่วงที่เขายังเพิ่งมาโลกนี้ใหม่ๆ 

 

“คืนนี้อากาศดีจริง ๆ” ชายคนหนึ่งในกลุ่มเอ่ยพลางยืดเส้นยืดสาย 

 

“พรุ่งนี้เราคงถึงชายแดนแล้ว”

 

แต่แล้ว ความเงียบที่ผิดปกติก็เข้าปกคลุมผืนป่า เสียงจักจั่นและเสียงสัตว์กลางคืนพลันเงียบหายไป ราวกับถูกบางสิ่งบางอย่างกดทับ

 

“เกิดอะไรขึ้น?” อีกคนถามด้วยน้ำเสียงระแวง

 

ทันใดนั้น แสงจากคบไฟนับสิบก็ส่องวาบเข้ามาจากทุกทิศทาง พร้อมกับเสียงฝีเท้าหนักๆ และเสียงเกราะกระทบกัน

 

“พวกอัศวิน!” ชายคนหนึ่งอุทาน ใบหน้าซีดเผือด

 

กองทัพอัศวินจำนวนมากโอบล้อมกลุ่มนักสำรวจไว้ทั้งหมด อัศวินระดับสูงนายหนึ่งควบม้าเข้ามาใกล้ ใบหน้าของเขาเคร่งขรึมและอำมหิต

 

“พวกแกคือพวกที่ช่วยเหลือผู้ครอบครองศาสตราโลหิตใช่ไหม?” อัศวินนายนั้นคำราม น้ำเสียงเย็นยะเยือก (เปลี่ยนจาก 

 

นักสำรวจกลุ่มนั้นต่างส่ายหน้าปฏิเสธ “เราไม่รู้เรื่องอะไรเลยครับ!” “เราแค่ให้น้ำคนเดินทางคนหนึ่งเท่านั้น!”

 

“คำให้การของแกไร้ประโยชน์!” อัศวินนายนั้นกล่าว “ใครที่กล้ายื่นมือช่วยปีศาจ... ก็สมควรได้รับโทษสถานเดียวกัน!”

 

สิ้นเสียงคำพูดของเขา เหล่าอัศวินก็พุ่งเข้าใส่กลุ่มนักสำรวจอย่างไร้ความปรานี เสียงร้องด้วยความเจ็บปวดดังระงมไปทั่วบริเวณ เสียงคมดาบปะทะกับเนื้อหนัง และเสียงเฮือกสุดท้ายของชีวิตที่ดับไป ความมืดมิดเข้าปกคลุมสถานที่แห่งนั้น ไม่เหลือสิ่งใดนอกจากกลิ่นคาวเลือดที่คละคลุ้งไปกับสายลมยามค่ำคืน

 

 

 

 

 

ในเวลาเดียวกันนั้น หมู่บ้านเล็กๆ แห่งหนึ่ง ที่เคยให้ที่พักพิงแก่เอเรนในช่วงที่เขาหลบหนี ก็กำลังเผชิญชะตากรรมที่โหดร้ายไม่ต่างกัน

 

ชาวบ้านกำลังหลับใหลอย่างสงบ ไม่รู้เลยว่ากองทัพอัศวินอีกกลุ่มหนึ่งได้โอบล้อมหมู่บ้านของพวกเขาไว้ทั้งหมดแล้ว เสียงเคาะประตูบ้านแต่ละหลังดังขึ้นอย่างรุนแรง เมื่อชาวบ้านออกมาเปิดประตู ก็พบกับใบหน้าอำมหิตของเหล่าอัศวิน

 

“พวกแกให้ที่พักพิงแก่ผู้กล้าเอเรนใช่ไหม?” อัศวินที่นำทัพถามด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว

 

ชาวบ้านต่างพากันหวาดกลัว บางคนพยายามอธิบาย บางคนพยายามวิงวอน แต่คำพูดเหล่านั้นกลับไร้ความหมายต่อเหล่าอัศวิน

 

“อาณาจักรไม่ต้องการคำแก้ตัว!” อัศวินนายนั้นคำราม “ใครที่กลายเป็นศัตรูของอาณาจักร... ก็ต้องรับผลที่ตามมา!”

 

เปลวเพลิงสีแดงฉานเริ่มลุกโชนขึ้นทั่วหมู่บ้าน เสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดของชาวบ้านดังระงมไปทั่วทุกทิศทาง บ้านเรือนไม้ถูกเผาผลาญจนเหลือเพียงเถ้าถ่าน เสียงหัวเราะเย้ยหยันของเหล่าอัศวินดังปะปนกับเสียงร้องขอความเมตตาที่ค่อยๆ เงียบหายไปในความมืด

 

หมู่บ้านที่เคยอบอุ่นและมีชีวิตชีวา บัดนี้กลายเป็นเพียงซากปรักหักพังที่เต็มไปด้วยความตายและกลิ่นเถ้าถ่าน เป็นอีกหนึ่งรอยทางแห่งความโหดร้ายที่อาณาจักรฟรานซ์ได้ทิ้งไว้เบื้องหลัง

 

 

 

 

 

วันรุ่งขึ้น ณ ปราสาทหลวงใจกลางอาณาจักร องค์ราชาวิลเลียมที่สาม ประทับอยู่บนบัลลังก์ทองคำ สีหน้าของพระองค์เรียบเฉย แต่แฝงไว้ด้วยความพึงพอใจอย่างบางเบา เบื้องหน้าคือเหล่าอัศวินที่เพิ่งกลับมาจากภารกิจ ใบหน้าของพวกเขาเปื้อนคราบเลือดและเขม่าควัน แต่แววตาเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นและภักดี

 

“รายงาน!” องค์ราชากล่าวเสียงก้อง

 

อัศวินระดับสูงนายหนึ่งก้าวออกมาข้างหน้า คุกเข่าลงเบื้องหน้าบัลลังก์ มือของเขาถือ ถุงผ้าสีดำสนิท ที่มีบางสิ่งยื่นออกมา

 

“พะย่ะค่ะฝ่าบาท! หม่อมฉันได้จัดการกับพวกทรยศที่ให้ที่พักพิงและช่วยเหลือ ผู้กล้าเอเรนแล้วพะย่ะค่ะ!” อัศวินนายนั้นกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “ทั้งกลุ่มนักเดินทางที่พบเจอ... และหมู่บ้านที่ให้ที่พักพิง... ถูกกำจัดจนสิ้น!”

 

เขาเปิดถุงผ้าออก เผยให้เห็นสิ่งที่อยู่ภายใน... นั่นคือ ศีรษะที่ถูกตัดขาด หลายหัว ใบหน้าของพวกเขายังคงมีร่องรอยของความตกใจและหวาดกลัว อัศวินนำศีรษะเหล่านั้นไปเสียบประจานไว้บนหอกไม้ที่ปักอยู่กลางลานด้านนอกปราสาท เพื่อเป็นเครื่องเตือนใจแก่ทุกคนที่คิดจะขัดขืนอำนาจของอาณาจักร

 

“และนี่คือ... ศีรษะของไอ้หนุ่มที่ช่วยเหลือมันพะย่ะค่ะ!” อัศวินนายนั้นชี้ไปที่ศีรษะของชายหนุ่มคนหนึ่งในบรรดาหัวที่ถูกเสียบประจาน ซึ่งเป็นหนึ่งในนักสำรวจที่เคยให้น้ำเอเรน ผู้ซึ่งไม่มีใครจำได้แล้วว่าเป็นใคร หรือมีความสำคัญอย่างไร นอกจากเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดกับผู้กล้าที่ถูกลืม

 

องค์ราชาวิลเลียมที่สามพยักพระพักตร์ช้าๆ ดวงตาของพระองค์มองไปยังศีรษะเหล่านั้นด้วยแววตาเย็นชา ‘ใครที่ขัดขวางอาณาจักร... ย่อมมีจุดจบเช่นนี้’

 

“ดีมาก!” องค์ราชากล่าวเสียงก้องไปทั่วท้องพระโรง “ความภักดีของพวกเจ้าสมควรได้รับรางวัล! และให้เป็นที่ประจักษ์แก่ทุกคน... ว่าใครที่กล้ายืนอยู่ข้างปีศาจ... ย่อมได้รับผลกรรมอันสาสม!”

 

เหล่าอัศวินและข้าราชบริพารต่างก้มศีรษะลงรับคำบัญชา เสียงเชียร์ดังกึกก้องไปทั่วปราสาทหลวง ความกลัวและความภักดีถูกปลูกฝังลงในจิตใจของผู้คนอย่างลึกซึ้ง ไม่มีใครกล้าสงสัยในความชอบธรรมของอาณาจักรอีกต่อไป... และไม่มีใครเอ่ยถึงชื่อ "เอเรน ผู้กล้า" อีกแล้ว ราวกับเขาไม่เคยมีตัวตนมาก่อน

 

 

 

 

 

 

 

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 

ติดตามเราได้ที่

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ คัดลอก หรือนำไปดัดแปลงโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืนแล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบนิยาย เรื่องสั้น บทความ หรือเนื้อหาอื่นๆ ที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ที่ keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงานจะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018- keangun. All Rights Reserved.