STARCIN ภาคที่ 9 Black Purge ตอนที่ 29 กู้ศักดิ์
หนึ่งปีผ่านไปไวเหมือนโกหก เด็กหลาย ๆ คนเริ่มใช้เวลาว่างในการฝึกซ้อมแต่ก็มีบางคนที่เอาแต่เล่นกันเหมือนเด็กทั่ว ๆ ไป
“ตั้งแต่ตอนนั้นเราก็ทำให้อาจารย์ใช้อาวุธไม่ได้อีกเลยนะ” กลุ่มของโยฮันสุมหัวกันวางแผนการตอบโต้ของอาจารย์เหมือนทุกที
“ก็แผนแกล้งแพ้มันใช้ไม่ได้ผลแล้วน่ะสิ” อาเวียนกระดิกเท้าคิดหนัก
“เหอะ ปัญหาหลัก ๆ ก็คงเป็นช่วงแขนกับความเร็วนั่นแหละ เขาปลดอาวุธเราได้ง่าย ๆ อย่างกับปอกกล้วยเลยล่ะ” บาย่านั่งลับมีดขณะที่คุยไปด้วย
“อย่ามัวแต่เศร้าเลย เรายังเด็กจึงมีเวลามากกว่าพวกผู้ใหญ่เพราะฉะนั้นเราต้องใช้เวลาว่างเหล่านั้นให้ดีที่สุด” โยฮันยกมือมาด้านหน้าแล้วเงยมองเพื่อให้ทุกคนวางมือต่อผสานกันเป็นคำตอบ
“เหลือเวลาอีกสองถึงสามปีก่อนจะไปลานเด็กโต พวกเรามาพยายามด้วยกันเถอะ” มิร่ายิ้มกว้างสัมผัสได้ถึงความสนุกตื่นเต้นจากใบหน้านั้น
เมื่อมิร่าวางมือลงอาเวียนก็วางมือตามทันที ไม่นานทุกคนก็วางมือผสานก่อนจะยกขึ้นแล้วร้องเฮ้พร้อม ๆ กัน
ทั้งหกคนมักจะรวมตัวกันในช่วงเวลาว่างของทุกวันเพื่อการฝึกฝน
“หนึ่ง...สอง...ฟัน หนึ่ง...สอง...แทง” เซรอนฝึกซ้อมพื้นฐานของดาบกับหุ่นฟาง
“ปอด ! คอ ! ตา ! หัวใจ !” บาย่าฝึกการใช้มีดสั้นฟันแทงจุดสำคัญ
อีกด้านหนึ่งโยฮันกับอาเวียนได้ฝึกประลองมือเปล่าโดยวัดกันที่ใครล้มลงก่อนจะเป็นฝ่ายแพ้
“การเคลื่อนไหวของนายดูแปลก ๆ นะ ตั้งแต่วันแรกที่เห็นฉันก็ข้องใจมาตลอดแต่ก็ไม่มีโอกาสถามสักที” อาเวียนล้วงมือผ่านช่วงแขนของโยฮันเพื่อรวบตัวแต่โยฮันก็ต้านแรงจับได้แล้วสู้แรงกันไปมา
“ช่างสังเกตจริง ๆ นะ” โยฮันยื่นเท้าไปสกัดขาอาเวียนแล้วกดตัวเขาลงกับพื้น “ฉันชนะอีกแล้ว” รอยยิ้มยียวนของเขาทำให้อาเวียนหงุดหงิดไม่น้อย
“เอาใหม่ !” อาเวียนดีดตัวลุกขึ้นมาอย่างรวดเร็วและเตรียมตัวเข้าปะทะกับโยฮันอีกครั้ง
มิร่าเฝ้าดูการฝึกซ้อมของคนอื่นอย่างใกล้ชิดก่อนจะเข้าไปร่วมฝึกกับพวกอาเวียนด้วย
“ขอฉันลองบ้างสิ”
“คุณผู้หญิงจะรับมือไหวหรือเปล่า?” โยฮันย่อตัวลงต่ำเหมือนวัวกระทิงที่เตรียมตัวพุ่งชนเป้าหมาย
“โธ่ ๆ คุณผู้ชายนั่นแหละจะไหวหรือเปล่า?”
มิร่าเป็นฝ่ายวิ่งใส่ก่อน เธอยื่นมือไปข้างหน้าเสมือนกันชนและเมื่อเข้าถึงตัวเธอก็จับไหล่ของโยฮันเพื่อดีดตัวเองข้ามหัวไปด้านหลัง
“เสร็จฉันล่ะ” เธอรวบตัวโยฮันและบิดเอวออกแรงพลิกให้คว่ำทำให้ได้รับชัยชนะไปในรอบแรก
จากนั้นพวกเขาก็สลับคู่แข่งกันไปเรื่อย ๆ จนเนื้อตัวมอมแมม
“คะแนนเริ่มสูสีกันแล้วสิ แต่ฉันก็ยังนำอยู่ดี” มิร่ายืนเชิดอกดูภาคภูมิใจเป็นพิเศษ ระหว่างนั้นพวกเธอก็หันไปมองเฟียร์ที่เอาแต่นั่งมองอยู่อย่างเดียว
มิร่าพุ่งตรงไปหาอย่างรวดเร็วและจ้องมองด้วยแววตาอ้อนวอนเพื่อหว่านล้อมให้เฟียร์ลุกขึ้นมาฝึกด้วย
“ฉัน...ไม่รู้ว่าจะฝึกอะไรดี” เธอถึงกับต้องหลบตาไม่กล้ามองหน้าอันสดใสของมิร่า
“ไม่เป็นไรหรอกน่า เดี๋ยวก็นึกออกเอง” มิร่าจูงแขนเฟียร์ไปยังลานฝึก
แม้เธอจะได้มายืนอยู่ตรงหน้าแต่ก็ยังนิ่งเหมือนหุ่นจนมิร่าต้องเป็นคนบุกเข้าไปเอง
“เตรียมรับมือ !” มิร่าพุ่งเข้าใส่ตรง ๆ แต่เฟียร์กลับหลบได้ในจังหวะพอดี ไม่เพียงแค่นั้นเธอยังยื่นเท้าออกมาสกัดขาโดยอาศัยแรงของตัวมิร่าเองทำให้เธอล้มลงไปง่าย ๆ เลย
“โอ้ ๆ นั่นมันเจ๋งสุด ๆ ไปเลยนี่” มิร่าดีดตัวลุกขึ้นมาอีกครั้งพร้อมด้วยรอยยิ้มกว้างที่ทำให้เฟียร์สั่นกลัวแทน
การฝึกฝนของเด็ก ๆ ได้ดำเนินไปนานหลายเดือนหลายปีจนถึงสัปดาห์สุดท้ายก่อนที่จะต้องย้ายไปลานเด็กโต หลาย ๆ คนมีพัฒนาการที่เด่นชัดไม่ว่าจะเป็นอาวุธประจำตัวหรือทักษะด้านร่างกายแต่ก็มีกลุ่มคนที่เหมือนเด็กทั่วไปที่แค่มาเรียนหนังสือเฉย ๆ ด้วย
“เหลือเวลาแค่สัปดาห์สุดท้ายแล้ว เราต้องทำให้อาจารย์ใช้อาวุธให้ได้” โยฮันยื่นมือมาข้างหน้าเพื่อรอการตอบรับอีกครั้ง
“เราต้องไปแสดงฝีมือให้เขาได้เห็น” เซรอนวางมือตาม
“ต้องอย่างนั้นสิพวก” อาเวียนวางต่อ
“อย่ามาขัดแข้งขัดขาฉันแล้วกัน” บาย่าถอนหายใจสั้น ๆ ก่อนจะวางมือลง
“ไว้ใจฉันได้เลย ใช่ไหมเฟียร์?” มิร่ายิ้มเลศนัยและยังดึงมือเฟียร์มาวางพร้อม ๆ กันเลย
“อะ...อืม”
เริ่มนับถอยหลังเจ็ดวันสุดท้าย โยฮันขอกระดานมาจากอาจารย์เพื่อใช้เขียนแผนการต่อสู้กับอาจารย์
“วันนี้ฉันกับอาเวียนจะเป็นคนนำก่อน”
โยฮันกับอาเวียนวิ่งประกบสองฝั่งค่อย ๆ บีบพื้นที่ให้เหลือน้อยโดยที่ยังรักษาระยะห่างไม่ให้อาจารย์สวนกลับได้
เมื่อได้โอกาสอาเวียนก็วิ่งเข้าใส่บังคับให้อาจารย์สวนกลับ แต่วินาทีที่อาจารย์ยกขาเตะมันก็ทำให้โยฮันเข้ามาประชิดได้พอดี จังหวะที่โยฮันเหวี่ยงมีดใส่อาจารย์ก็ได้หมุนตัวไปตามแรงเตะพอดีเพื่อกันอาเวียนและหลบมีดในเวลาเดียวกัน
เซรอน มิร่าและเฟียร์พุ่งเข้ามาทันทีที่อาจารย์ลอยอยู่กลางอากาศ ทั้งสามยกดาบและมีดเตรียมฟันมาแต่ไกล
“ยอดเยี่ยม !” อาจารย์พลิกตัวกลางอากาศอยู่ในแนวตั้งขาชี้ฟ้าหลบคมการฟันของทั้งสามได้พอดิบพอดี มิหนำซ้ำเขายังใช้หัวของเซรอนกับบาย่าเป็นฐานเพื่อยันตัวเองและผลักออกจากวงล้อมของเด็ก ๆ
“แค่นั้นยังไม่พอหรอก” อาจารย์หนุ่มยิ้มเยาะท้าทาย
สุดท้ายในคืนนั้นเด็ก ๆ ก็หมดสภาพจนลงไปกองกับพื้นเช่นเคย
วันที่สองพวกเขาได้ประชุมและเปลี่ยนแผนเล็กน้อย
คราวนี้อาเวียนเป็นคนบุกไปคนเดียวส่วนที่เหลือช่วยกันขว้างมีดใส่แทน ถึงกระนั้นอาจารย์ก็ยังหลบได้สบาย ๆ ขณะที่จับอาเวียนไว้ด้วย จนแล้วจนเล่าอาวุธที่เตรียมมาก็หมดจึงต้องสู้ระยะประชิดและโดนฟาดกลับมาเหมือนเดิม
วันที่สามเปลี่ยนไปใช้แผนล้อมอีกครั้งโดยเพิ่มบาย่ากับเซรอนเข้าไปด้วย และครั้งนี้เฟียร์ก็ได้เข้ามามีส่วนร่วมกับคนอื่นบ้างแล้ว
โยฮัน อาเวียน เซรอนและบาย่าค่อย ๆ ตีวงล้อมบีบพื้นที่ของอาจารย์เหมือนที่เคยทำแต่คราวนี้เขาไหวตัวทันจึงกระโดดข้ามหัวเด็ก ๆ ออกมาก่อน
“เขามาแล้ว” มิร่ายกมีดขึ้นมาในท่าเตรียมเพื่อยื้อเวลาให้เฟียร์เตรียมมานาเสร็จก่อน
มิร่าใช้มีดแทงใส่อย่างรวดเร็วเหมือนหมัดแย็บ ถึงแม้จะไม่โดนเป้าเลยแต่ก็รักษาระยะห่างไม่ให้อีกฝ่ายเข้ามาใกล้ได้ แต่ไม่ทันไรอาจารย์ก็ยื่นมือเข้ามารอดผ่านวิถีการแทงและบิดแขนของมิร่าให้มีดหลุดมือ
“[คมมีดไร้รูป]” เวทมนตร์ของเฟียร์พุ่งตรงไปหาอาจารย์หนุ่มรวดเร็วยิ่งกว่าการขว้างปามีดเหมือนที่พวกเขาเคยทำเป็นไหน ๆ แต่นั่นก็ยังช้าเกินไปสำหรับผู้เป็นอาจารย์อยู่ดี
“โตกันไวจริง ๆ เลยนะพวกเธอเนี่ย ปกติเวทมนตร์ยังไม่ใช่วิชาบังคับในลานเด็กเล็กแต่ก็มีคนทำได้ถึงขนาดนี้แล้ว” อาจารย์หนุ่มหลบคมมีดไร้รูปได้สบาย ๆ จากนั้นก็วางมือลงบนไหล่เหมือนรู้ว่าเฟียร์ไม่อยากเจ็บตัวสักเท่าไร แต่นั่นก็เป็นเพียงแค่การปลอบเพราะสุดท้ายเขาก็เหวี่ยงเฟียร์กระเด็นอยู่ดี
วันที่สี่ก็แล้ว วันที่ห้าก็แล้ว จนวันที่หกสภาพจิตใจของพวกเขาก็เริ่มแย่ลง
“เราจะทำได้ใช่ไหม?” บาย่านั่งคอตกมองดูมีดที่เริ่มทื่อเหมือนกำลังมองตัวเองที่ล้มเหลวในการใช้มีด
“ต้องได้สิ...มั้ง” โยฮันตอบ
แม้มันจะไม่ใช่การบังคับแต่เมื่อตั้งใจและคาดหวังมันจึงกลายเป็นเป้าหมายสำคัญเช่นกัน
“ความต่างของสเตตัสมันมากเกินไป พวกเราก็แค่เด็กน้อยเลเวลหนึ่งจะไปทำอะไรระดับอาจารย์ได้ล่ะ” อาเวียนกล่าว
“เป้าหมายเราก็แค่ต้องทำให้อาจารย์ใช้อาวุธเท่านั้น มันต้องมีสักทางสิ” มิร่ากล่าวต่อพลางขีดเขียนในกระดานเล่น ๆ ไปด้วย
“ช่างมันปะไร เรามาสู้ให้สุดฝีมือกันเถอะ จะทำสำเร็จหรือไม่ก็ไม่ต้องไปสนใจ” เซรอนดีดตัวลุกขึ้นมาและดึงเพื่อน ๆ มาวางมือซ้อนกันอีกครั้ง
“นั่นสินะ เรามาพยายามกันเถอะ” โยฮันพยักหน้าเป็นการเรียกร้องให้เพื่อน ๆ พยายามไปด้วยกัน
แม้จะเติมเต็มกำลังใจซึ่งกันและกันได้สำเร็จแต่ก็ยังพ่ายแพ้ให้กับอาจารย์อีกตามเคย
จนกระทั่งเช้าวันที่เจ็ดซึ่งเป็นวันสุดท้ายในลานเด็กเล็ก พวกโยฮันลุกขึ้นมาฝึกซ้อมเช่นเคยทั้ง ๆ ที่เด็กกลุ่มกำลังเก็บข้าวของและสนุกไปกับวันพักผ่อนก่อนย้ายที่
“อีกสิบรอบ !” เซรอนเป็นคนวิ่งนำกลุ่มและยังคอยตะโกนปลุกใจเรื่อย ๆ
พอวิ่งเสร็จก็ไปรอกินมื้อเช้า หลังจากกินเสร็จพวกเขาก็ไปฝึกซ้อมต่อไม่หยุดจนมื้อเที่ยง พอกินมื้อเที่ยงเสร็จก็เริ่มฝึกต่อเหมือนประชดชีวิต
จนเมื่อเวลามาถึง อาจารย์หนุ่มคนนั้นยืนรอพร้อมกับใบหน้ายิ้มปีติอยู่ที่ลานกว้าง
“ต่อให้พวกเธอจะทำไม่ได้ก็จงภูมิใจเสียเถอะ ผลพวงจากการฝึกฝนจะทำให้ชีวิตพวกเธอประสบความสำเร็จแน่ ๆ”
“รอดูกลยุทธ์ของเราได้เลยครับ” โยฮันเดินนำหน้ามาก่อนแต่ก็ยังยืนดูเชิงไม่เข้าไปใกล้อาจารย์
“ไหน ๆ แสดงให้อาจารย์ได้เห็นเป็นบุญตาหน่อยสิ”
“รวมตัว !” โยฮันตะโกนให้สัญญาณ
โยฮันและเซรอนยืนอยู่แนวหน้า จากนั้นอาเวียนก็กระโดดขึ้นมานั่งระหว่างสองคน ตามมาด้วยบาย่าและมิร่าเกาะฝั่งซ้ายและขวา สุดท้ายก็เป็นเฟียร์ที่ขึ้นมาขี่คออาเวียนอีกที
อาจารย์ถึงกับหลุดขำออกมาจนไม่มีสมาธิ “นะ...นั่นมันอะไรเนี่ย?”
โยฮันหัวเราะในลำคอด้วยความภาคภูมิใจ “นี่คือกลยุทธ์สามัคคีคือพลัง ในเมื่อร่างกายของเรายังเด็กกันอยู่ก็เลยเอามารวมร่างกันจะได้ตัวโตเหมือนผู้ใหญ่ยังไงล่ะ”
“ให้ตายสิ พวกนายนี่มันคาดไม่ถึงเลยจริง ๆ ถ้างั้นก็เข้ามาได้ทุกเมื่อเลย” อาจารย์กลับมาตั้งท่าเตรียมสู้อีกครั้งหลังจากยืนขำจนตัวงอ
“น้อมรับคำท้าทาย” พวกเขาค่อย ๆ ขยับไปข้างหน้าทีละก้าวเพื่อประคองคนด้านบนไม่ให้หล่น ด้วยท่าทางเงอะงะเหมือนกำลังเล่นกันทำให้อาจารย์หนุ่มเสียสมาธิไปด้วย
วินาทีที่พวกโยฮันขยับไปถึงตรงหน้าอาจารย์หนุ่ม พวกเขาทั้งหกคนก็ได้แยกร่างกระโจนพร้อม ๆ กันเป็นการจู่โจมที่ไม่คาดคิด คมมีดจากเด็กทั้งหกคนกำลังพุ่งไปหาอาจารย์หนุ่มทำให้เขาต้องเหวี่ยงมีดฟันสวนกลับไป
เด็กทั้งหกคนโดนแรงปะทะจากมีดของอาจารย์จนกระเด็นกันหมดแต่ใบหน้าของพวกเขากลับเต็มไปด้วยความสุขสม พวกเขานอนกองกันอยู่บนพื้นมีเพียงเสียงหัวเราะที่ดังขึ้นมาไม่ขาดสาย
“ไม่น่าเชื่อเลยว่าแผนบ้า ๆ แบบนั้นจะใช้ได้ผล” เซรอนกางแขนและขากวาดพื้นเล่นเหมือนทำรูปนางฟ้าบนหิมะ
“เหมือนแผนแกล้งแพ้เลย เพราะมันใช้ได้แค่ครั้งเดียวเท่านั้น” โยฮันกล่าว
“อย่างน้อยเราก็สลัดห่วงที่ติดค้างในใจได้สักที เราพร้อมจะไปลานเด็กโตกันแล้วใช่ไหม?” อาเวียนลุกขึ้นเพื่อยื่นมือออกมารอการตอบรับเช่นเคย
“ไปสิวะ” เซรอนวางมือต่อ
“พร้อมซะยิ่งกว่าพร้อมอีก” บาย่าวางต่อ ตามมาด้วยโยฮันและมิร่า
ทั้งห้าคนเหลือบมองเฟียร์แต่ครั้งนี้เธอเป็นคนวางมือด้วยตนเองและยังยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ทำให้เพื่อน ๆ มีความสุขเข้าไปอีก
“ไปเถอะ ฉันเห็นพวกนายฝึกกันมาตลอดเพราะฉะนั้นพวกนายควรไปพักผ่อนกันได้แล้ว” อาจารย์หนุ่มเดินเข้ามาวางมือร่วมด้วยอีกคน จากนั้นพวกเขาก็ยกมือขึ้นพร้อมกับร้องเฮ้ซึ่งอาจารย์ก็ทำตามเช่นกัน
ค่ำคืนนั้นเป็นการนอนที่ปลื้มปริ่มเต็มอิ่มที่สุดตั้งแต่ได้มาอยู่ในสำนัก มันคือรางวัลของการฝึกอย่างหนักในขณะที่คนอื่นได้นอนเล่นกันสบายใจ
วันต่อมาอาจารย์ทั้งสิบหกคนได้พาเด็กนับร้อยเคลื่อนย้ายไปยังลานเด็กโต วินาทีที่ได้ออกมาจากอาณาเขตมันช่างโล่งใจเหมือนนักโทษได้รับอิสระ
“ในส่วนของลานเด็กโตมันค่อนข้างวุ่นวายเพราะจำนวนคน บางปีอาจมีเด็กมากกว่าหนึ่งพันคนด้วยซ้ำไม่เหมือนลานเด็กเล็กที่มีแค่หลักร้อย สาเหตุนั้นก็คงมีสองอย่าง หนึ่งก็คือสำนักย่อยจะมีการส่งเด็กมาฝึกที่นี่เช่นกัน และอย่างที่สองก็คือมีเด็กจำนวนหนึ่งไม่สามารถผ่านบททดสอบไปได้จึงยังติดอยู่ที่นี่” อาจารย์คนหนึ่งอธิบายเรื่องต่าง ๆ ให้ฟังระหว่างที่เดินชมสถานที่ไปด้วย
ลานเด็กโตมีขนาดกว้างใหญ่ราวกับเป็นหมู่บ้านใหญ่ ๆ สักหมู่บ้านหนึ่งไม่มีผิด มีทั้งส่วนที่เป็นบ้านพักแยก ห้องพักในอาคารใหญ่และโรงนอนสำหรับจุคนจำนวนมาก
“ทางฝั่งโน้นจะเป็นส่วนกลางที่มีทั้งโรงอาหาร โรงอาบน้ำใหญ่และลานฝึก แล้วก็จะมีลานฝึกใหญ่ที่ตั้งอยู่ห่างไกลที่พักอาศัยเพราะอาจจะได้รับความเสียหายไปด้วย”
ระหว่างที่อาจารย์พาชมสถานที่ก็มักจะมีศิษย์พี่มายืนดูด้วย บางคนก็แสดงท่าทีเป็นภัยมาแต่ไกลแต่บางคนก็ส่งยิ้มให้เพื่อให้สบายใจ
“ตรงหน้าของพวกเธอคือโถงสำหรับการประชุมของอาจารย์”
ที่แห่งนั้นมีอาจารย์อีกหลายสิบคนรายล้อมรอบโถงใหญ่ เบื้องหน้าของพวกเขาก็คือเจ้าสำนักกินจิอันน่าเกรงขามทำให้เด็กหลาย ๆ คนนั่งคอตกไม่กล้าสบตา
“ยินดีต้อนรับสู่ลานเด็กโต สถานที่ที่เต็มไปด้วยการแข่งขันและความทรหด แน่นอนว่าไม่สามารถออกนอกอาณาเขตได้และยังกฎเพิ่มเข้าไปอีกจำนวนมาก ซึ่งทุกคนสามารถอ่านได้ในคู่มือที่จะแจกให้ และกฎข้อสำคัญก็คือผลลัพธ์สุดท้ายจะเป็นตัวบ่งบอกคุณค่าของพวกเธอ” เมื่อเจ้าสำนักกล่าวจบเขาก็เดินหายไปต่อหน้าต่อตาทำเอาเด็ก ๆ อึ้งกันหมด
มีเพียงโยฮันที่หันหน้ามองไปยังอาจารย์ที่ยืนอยู่ข้าง ๆ
“จ๊ะเอ๋ !” เจ้าสำนักโผล่มาตรงที่โยฮันจ้องอยู่ เขาตั้งใจแกล้งเด็ก ๆ ให้ตกใจเล่นก่อนจะโบกมือลาและเดินออกไปจริง ๆ
เหมือนเจ้าสำนักอยากทำให้เด็ก ๆ หายเกร็งแต่ก็ไม่ได้ผล สุดท้ายก็ได้อาจารย์ที่อยู่ด้วยกันมาตั้งแต่ลานเด็กเล็กช่วยผ่อนคลายให้ เมื่อเวลาล่วงเลยไปหลายชั่วโมงจนการอธิบายทุกอย่างที่ควรรู้เสร็จสิ้น อาจารย์ประจำทั้งสิบหกคนได้พาเด็ก ๆ ไปยังโรงนอนหลังใหญ่ที่มีตั้งแต่เด็กอายุสิบห้าไปจนถึงอายุสิบแปด
“หาที่นอนกันเอาเองเลยนะ” นั่นเป็นคำพูดสุดท้ายของอาจารย์ก่อนที่พวกเขาจะทิ้งเด็ก ๆ ไว้ในโรงนอน
ทันใดนั้นสายตาของพวกรุ่นพี่ก็จ้องมองมาเหมือนสัตว์ป่ากำลังมองเหยื่อ ถึงจะไม่ได้เข้ามาใกล้แต่มันก็ทำให้เด็กหลาย ๆ คนกลัวจนหัวหดไม่กล้าแม้แต่จะเดินไปหาที่นอน
“ฉันจองตรงนั้นนะ” เซรอนวิ่งหน้าตั้งไปก่อนใคร
ขณะที่กำลังวิ่งไปหาที่นอนก็มีรุ่นพี่คนหนึ่งยื่นเท้าออกมาสกัดขาทำให้เซรอนล้ม แต่เขากลับกลิ้งตัวไปข้างหน้าแล้วลุกขึ้นมาได้สบาย ๆ
“ขอโทษครับ ผมไม่ทันมอง” นอกจากจะไม่โกรธแล้วเขายังหันกลับมาขอโทษอีก นั่นยิ่งทำให้รุ่นพี่คนนั้นหงุดหงิดเข้าไปใหญ่
“รอฉันด้วยสิ” โยฮันวิ่งตามไปติด ๆ และก็โดนสกัดขาล้มอีกคน
อาเวียนเห็นเรื่องทั้งหมดจึงปรี่เข้าไปหาทันที “รุ่นพี่มีปัญหาอะไรหรือเปล่าครับ?”
“อะไรเหรอ?” เขาทำเป็นไม่รู้เรื่องทำให้อาเวียนโมโหจึงเตะเบา ๆ เข้าที่ขาของรุ่นพี่เพื่อเป็นการสั่งสอน
“เก็บขาให้มันดี ๆ หน่อยนะครับ”
อีกด้านหนึ่งในโรงนอนหญิง
“ใหญ่สุด ๆ ไปเลยนะเนี่ย แถมยังมีตั้งหลายชั้นด้วย” บาย่าตื่นเต้นจนอยู่ไม่สุข เธอพามิร่ากับเฟียร์ไปหาที่นอนซึ่งได้จุดที่อยู่ใกล้ ๆ หน้าต่างพอดี
บาย่าเปิดหน้าต่างกว้างรับลมแล้วสูดอากาศเข้าไปเต็มปอด ทันใดนั้นก็มีน้ำสาดกระเด็นมาพอดีอย่างกับตั้งใจ
“ขอโทษค่ะ !” หญิงสาวคนนั้นกำลังแบกถังน้ำไปที่ไหนสักแห่งแต่ก็สะดุดล้มจนน้ำกระเด็นมาตรงหน้าต่างพอดี
“ไม่เป็นไร เราจะได้ทำความสะอาดพอดีเลย” บาย่ายิ้มและโบกมือเพื่อบอกว่าไม่โกรธเคืองแต่อย่างใด
หลังจากที่เด็กรุ่นใหม่หาที่หลับที่นอนได้ ส่วนใหญ่ก็จะออกไปสำรวจสถานที่ใหม่ ๆ ในอาณาเขตอันกว้างขวาง บางส่วนก็เลือกที่จะนอนหลับพักผ่อนแต่กลุ่มของโยฮันกลับมุ่งตรงไปยังหอฝึกทันที
“มันสวยงามมาก”
เด็ก ๆ ทั้งหกยืนมองอุปกรณ์จำนวนมากตั้งอยู่ในหอฝึกแห่งนี้ เหล่ารุ่นพี่หลายคนกำลังออกกำลังกายและฝึกศิลปะการต่อสู้ตามแบบของตนเอง ที่ลานกว้างมีการประลองของพวกรุ่นพี่ที่ฟัดกันฝุ่นตลบ ที่มุมห้องมีห้องน้ำและห้องอาบน้ำในตัว อีกทั้งยังมีทางขึ้นไปชั้นบนซึ่งไม่รู้ว่าจะมีอะไรให้ตื่นเต้นอีกหรือไม่
“พวกเราใช้ได้ทุกอย่างเลยสินะ ถ้างั้นเราไปลองอันนั้นไหม?” เซรอนชี้ไปที่หุ่นไม้รูปทรงแปลก ๆ ที่ไม่มีใครใช้อยู่พอดี
แต่ขณะที่กำลังจะเดินไปก็ดันมีกลุ่มรุ่นพี่เข้ามาขวางเสียก่อน
“ว่าไงจ๊ะเด็ก ๆ พึ่งมาถึงแท้ ๆ แต่ไฟร้อนแรงกันจริง ๆ นะ” ชายที่เปลือยกายท่อนบนกำลังเดินวนไปรอบ ๆ เพื่อสอดส่องร่างกายของพวกเขา
“สวัสดีครับรุ่นพี่ ที่นี่เราใช้ได้ทุกอย่างจริง ๆ ใช่ไหมครับ?” โยฮันเอ่ยถาม
“แน่นอน แต่ต้องมาเข้ากับกลุ่มของเราก่อนนะ”
พวกโยฮันมองด้วยความสงสัยก่อนจะกล่าวต่อ “กลุ่มอะไรเหรอครับ?”
รุ่นพี่คนนั้นวางมือลงบนไหล่เล็ก ๆ ของเซรอนและโยฮัน
“พวกเราคือกลุ่มยอดนักรบ กิจกรรมหลักของพวกเราคือการออกกำลังกายหรือไม่ก็ฝึกให้เหงื่อท่วม จากนั้นเราก็จะมาอาบน้ำกันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตาและชมเรือนร่างนักรบที่แท้จริงของกันและกัน” มือของเขาเลื่อนไปรอบ ๆ ไหล่และลูบลงมาที่แขนจนถึงนิ้วทั้งห้า
เซรอนขนลุกตั้งแต่ขายันหัวจึงเดินถอยออกมา
“ฉันว่าเราไปดูที่อื่นกันก่อนดีกว่า...” เซรอนหันหลังกำลังจะเดินออกจากหอฝึกแต่รุ่นพี่คนนั้นกลับดึงตัวไว้ก่อน
“อย่าพึ่งไปสิ” น้ำเสียงหวาน ๆ กำลังดังเข้ามาในหูพร้อมกับลมหายใจอุ่น ๆ เซรอนพยายามทำเป็นไม่ได้ยินแต่เขาไม่สามารถสู้แรงมือของรุ่นพี่คนนั้นได้เลย
“อย่าล้อเล่นกันแบบนี้สิครับ พวกผมพึ่งมาใหม่เลยต้องไปสำรวจรอบ ๆ ก่อน” เซรอนเปลี่ยนไปใช้สันติวิธีด้วยการฝืนยิ้มตอบรับ
“นั่นสินะ งั้นเดี๋ยวพี่คนนี้จะพาเดินชมรอบ ๆ เอง”
“ยะ...อย่ามาเสียเวลากับพวกเราเลยครับ...”
“ไม่มีคำว่าเสียเวลาสำหรับน้อง ๆ ที่น่ารักหรอกนะ”
รุ่นพี่เดินนำพวกเซรอนออกไปข้างนอกดูแล้วไม่น่าปฏิเสธได้เลย สุดท้ายพวกเขาก็ต้องตามน้ำไปเรื่อย ๆ ซึ่งก็ดีที่มีรุ่นพี่แนะนำแต่ก็ต้องหวาดระแวงไปด้วยเช่นกัน
“พวกอาจารย์แทบจะไม่มาก้าวก่ายเรื่องภายในอาณาเขตเลย พวกเขาจะเข้ามาประกาศข้อมูลสำคัญและทุกเดือนจะมีข้อสอบมาให้”
“แล้ว...อาหารอะไรพวกนี้เราต้องหากินเองเหรอครับ?” อาเวียนถาม ส่วนเซรอนกับโยฮันหนีไปอยู่ท้ายสุดเลย
“ไม่ ๆ พวกเขามีคนของสำนักเนี่ยแหละมาทำงานทุกอย่างให้ ทำอาหาร ทำสวน ทำความสะอาด และทุก ๆ วันจะมีการขนเสบียงมาเพิ่มด้วย”
“สบายดีแฮะ” บาย่ากล่าวพลางมองเซรอนกับโยฮันที่เดินตามด้วยท่าทางหวาดระแวง
“งั้นเราไปหาอะไรใส่ท้องกันดีกว่า” รุ่นพี่เดินนำเข้าไปในโรงอาหาร วินาทีที่เปิดประตูเข้าไปมันก็ทำให้นักเรียนทุกคนเงียบกริบไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมา
“พวกเขาเป็นอย่างนี้กันตลอดเลยเหรอครับ?”
“ก็ต้องอย่างนั้นแหละ พวกอ่อนแอก็ต้องอยู่เงียบ ๆ ถ้าไม่อยากโดนล่า” เขาเดินไปหยิบถาดอาหารและไล่ตักอาหารตรงหน้าไปเรื่อย ๆ จนล้นถาด พวกเขามีอาหารหลากหลายชนิดที่เน้นคาร์โบไฮเดรตและโปรตีนเพื่อให้เหล่านักเรียนฝึกได้เต็มที่
พวกเขาเลือกนั่งโต๊ะตรงกลางราวกับจะแสดงให้เห็นถึงความยิ่งใหญ่ อาหารของรุ่นพี่มันเยอะมาก ๆ ถึงขนาดให้เซรอนกับอาเวียนมาช่วยกันกินก็ยังกินไม่หมด แต่รุ่นพี่เขากลับกินมันเข้าไปอย่างบ้าคลั่งเหมือนตายอดตายอยากมาจากไหน
“ลองให้หมดทุกเมนูเลยสิ เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็จะมีไก่ทอดด้วยนะฉันโคตรจะชอบมันเลย” ไม่ทันไรอาหารของรุ่นพี่ก็กำลังจะหมดแล้วทั้ง ๆ ที่กินไปไม่ถึงห้านาทีด้วยซ้ำ
“อร่อยกว่าลานเด็กเล็กเยอะเลย” มิร่าถึงกับเอามือป้องปากตกใจกับรสชาติที่ไม่เคยได้สัมผัสมาก่อน
“ลองอันนี้ดูสิ” เธอแบ่งหมูทอดให้กับเฟียร์และบาย่าด้วยความตื่นเต้นอยากรู้ว่าคนอื่นคิดเหมือนกันหรือเปล่า
“อร่อยจริงด้วย ฉันไปตักมาบ้างดีกว่า” บาย่ารีบลุกจนพลาดไปเตะขอบโต๊ะล้มหน้าคว่ำทำให้ถาดในมือกระเด็นไปโดนนักเรียนโต๊ะข้าง ๆ
แทนที่พวกเขาจะโกรธแต่กลับนิ่งเฉยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น บาย่าไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรจึงหาผ้ามาเช็ดทำความสะอาดให้ก่อนจะเดินจากไป
“คนที่นี่ดูแปลก ๆ เนอะ” พูดจบเธอก็ตักหมูทอดเข้าปากกินจนอิ่มแปล้
หลังจากกินกันเสร็จสรรพรุ่นพี่ก็เอาลูกอมแปลก ๆ มาให้ สีของมันดูไม่น่าอภิรมย์นักแต่ก็ไม่สามารถขัดได้ วินาทีที่ใส่เข้าไปในปากก็สัมผัสได้ถึงความขมและเหม็นจนรู้สึกคลื่นไส้อยากอาเจียน
“ถึงเวลาล้างท้องกันแล้วนะเด็ก ๆ” รุ่นพี่คนนั้นยิ้มกว้างอย่างกับคนบ้าที่สนุกกับภาพความทุกข์ทรมานของพวกโยฮัน
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 126
- 👍 ถูกใจ


แสดงความคิดเห็น