บทที่ 12: ทุกตารางนิ้วของแผ่นดินล้วนแลกมาด้วยทหารนับแสนนาย
ขณะนี้ระบบกำลังเปลี่ยนร่างของหลินหยวนให้เป็น [ร่างจอมมาร] !
เขารู้สึกได้ถึงความเปลี่ยนแปลงในร่างกายอย่างชัดเจน ดูเหมือนว่ามันจำเป็นจะต้องใช้พลังงานมหาศาลในการเปลี่ยนร่างกายมนุษย์ธรรมดาให้เป็นร่างจอมมาร
และนี่คือโอกาสที่สมบูรณ์แบบในการกินยาเพิ่มพลังปราณมากขึ้น
เขาจะสามารถใช้โอกาสนี้ในการกินยาเพิ่มพลังปราณทั้งหมดที่ในยามปกติร่างกายดูดซับได้ในปริมาณที่น้อย
“ถ้าไม่เสี่ยงก็ไม่ได้ผลตอบแทนที่งดงาม!”
บัดนี้แววตาของหลินหยวนแข็งกร้าวมากขึ้น
จากนั้นเขาก็ยกมือขวาหยิบยาเพิ่มพลังปราณระดับสูง 5 เม็ดออกมาจากช่องเก็บของ
หนึ่งในจำนวนนั้นมีเพียงเม็ดเดียวเท่านั้นที่เป็นรางวัลที่เขาได้รับจากการทำภารกิจกำจัดไททันปราการเหล็ก ส่วนอีก 4 เม็ดที่เหลือได้รับจากการลงชื่อเข้าใช้
ต่อมา เด็กหนุ่มก็กลืนยาเพิ่มพลังปราณระดับสูงทั้ง 5 เม็ดเข้าไปโดยไม่ลังเล
วินาทีถัดมา พลังมหาศาลก็ปะทุออกมาจากร่างกายของเขาไม่ต่างจากภูเขาไฟระเบิด
หากเป็นในยามปกติ พลังปราณที่ไหลเข้าสู่ร่างกายมหาศาลเช่นนี้จะทำให้ร่างกายระเบิดในพริบตา
แต่ในขณะนี้ หลินหยวนอยู่ในช่วงเวลาสำคัญในการหลอมรวมร่างจอมมาร เขาต้องการใช้พลังปราณเป็นจำนวนมาก
ดังนั้นพลังปราณมหาศาลนี้จึงถูกดูดซับเข้าร่างกายของเขาไปจนหมด
10 นาทีต่อมา กระบวนการประสานสิ้นสุดลง ร่างกายเดิมของหลินหยวนเปลี่ยนเป็นร่างจอมมารได้สำเร็จ
และพลังปราณจากยาระดับสูงทั้ง 5 เม็ดเกือบ 70% ถูกดูดซับเข้าสู่ร่างกายของเขา
ทว่าเด็กหนุ่มกลับล้มลงกับพื้นร่างกระตุกไม่ต่างจากสุนัขที่ใกล้ตาย ในขณะที่พลังปราณของเขาพุ่งทะลุหลักหมื่นไปจนถึง 15,400 แต้ม
เมื่อเทียบกับตอนที่หลินหยวนยังไม่ได้รับระบบ [หนทางรอด] พลังปราณของเขาเพิ่มขึ้นในระยะเวลาอันสั้นจากเดิมถึง 3 เท่า!
แม้ความสามารถของเขาจะยังไม่ได้เข้าขั้นเก่งกาจ แต่ถ้าเขาเผชิญหน้ากับไททันปราการเหล็กอีกครั้ง เขาจะสามารถเจาะเกราะบนร่างกายของฝ่ายตรงข้ามด้วยพละกำลังของเขาเอง
ในเวลาเพียง 50 วัน พลังปราณของหลินหยวนก็พัฒนาขึ้นแบบก้าวกระโดด เนื่องจากเขามีพละกำลังเพียงพอแล้ว จากนี้ต่อไปเขาควรไปรับภารกิจที่สมาคมนักล่าต่อ
ยิ่งไปกว่านั้น นี่ก็เป็นเวลามากกว่า 1 เดือนแล้วที่เขาไม่ได้รับภารกิจที่ระดับสูงกว่าแรงก์ตัวเอง
ซึ่งนั่นหมายความว่าเขาได้รับสิทธิพิเศษในการรับภารกิจที่สูงกว่าแรงก์ของเขาอีกครั้ง
คราวนี้… เขาคิดเอาไว้ว่าจะรับภารกิจระดับ A!
และมันก็เหมาะเจาะพอดีที่เขาจะได้ทดลองใช้พลังของร่างจอมมารที่เพิ่งได้รับมานี้
หลังจากคิดได้ดังนี้หลินหยวนก็ลุกขึ้นเตรียมตัวมุ่งหน้าไปที่สมาคมนักล่า
ในตอนที่เด็กหนุ่มเดินออกจากบ้าน เขาก็ยกมือขึ้นบังแสงแดดที่ทำให้รู้สึกแสบตา สำหรับตัวเขาที่ไม่ได้ออกจากบ้านมานานนับเดือน เขารู้สึกไม่ค่อยชินกับแสงแดดจ้านอกบ้านสักเท่าไหร่
ขณะนั้นรถหุ้มเกราะจำนวนหนึ่งกำลังขับผ่านหน้าเขาไป
รถหุ้มเกราะจะเข้ามาในเมืองได้อย่างไร?
ในตอนแรกหลินหยวนตกใจมาก จากนั้นเขาก็นึกอะไรขึ้นมาได้
วันนี้… ดูเหมือนจะเป็นวันที่กองทัพมาเกณฑ์ทหารใหม่ในเมืองหนานเจียง
“การปกป้องประเทศถือเป็นเกียรติสูงสุด!”
“มีเพียงเข้าร่วมกองทัพเท่านั้นจึงจะสามารถทำหน้าที่อันศักดิ์สิทธิ์นี้ได้!”
เครื่องขยายเสียงบนรถหุ้มเกราะยังคงส่งคำพูดปลุกใจออกมาอย่างต่อเนื่อง
ชายชาตรีทั้งหลายที่ได้ยินคำพูดปลุกใจนี้ต่างก็รู้สึกว่าเลือดในกายเดือดพล่าน
ทว่าหลินหยวนกลับไม่สนใจเสียงพวกนั้นแล้วมุ่งตรงไปยังทิศทางของสมาคมนักล่า
อย่างไรก็ตาม ไม่นานเด็กหนุ่มก็ค่อย ๆ ชะลอฝีเท้าลง
นั่นเป็นเพราะสายตาของเขาเหลือบไปเห็นชายร่างสูงที่สวมเครื่องแบบทหารกำลังยืนกล่าวสุนทรพจน์ด้วยน้ำเสียงหนักแน่นอยู่ตรงประตูโรงเรียนมัธยมหนานเจียงหมายเลข 1
หลินหยวนจำอีกฝ่ายได้ตั้งแต่แรกเห็น
ชายตรงหน้าคือ ‘เฉินหู่’ ผู้บัญชาการกองทัพพยัคฆ์!
“การเข้าร่วมกับแนวหน้าเป็นความรับผิดชอบของพลเมือง!!”
“พวกเธอที่เติบโตมาอย่างปลอดภัยก็ควรแบกรับความรับผิดชอบนี้เช่นกัน!”
“120 ปีนับตั้งแต่ไททันบุกโลก เป็นช่วงเวลา 120 ปีที่น่าเศร้าที่สุดในประวัติศาสตร์”
“มนุษย์ที่ถูกไททันกดขี่ข่มเหง มีหลายประเทศที่ถูกทำลาย มนุษย์หลายพันล้านคนต้องตายลง แล้วทำไมพวกเราในฐานะมนุษย์ถึงรอดมาจนถึงทุกวันนี้ได้ล่ะ?”
“เป็นเพราะพวกเราสามัคคีกัน!”
“เพราะพวกเราไม่ย่อท้อ!”
“เพราะพวกเราไม่เคยกลัวการเสียสละ!”
หลังจากพูดจบเฉินหู่ก็หันกลับมาสั่งเสียงทุ้มว่า “ยกขึ้น!”
จากนั้นทหารหลายคนก็ยกแผ่นหินขึ้นทีละแผ่น
บนแผ่นหินนั้นมีตัวอักษรสีแดงเข้มจารึกเอาไว้
นี่คืออนุสรณ์วีรบุรุษ หรือเรียกอีกอย่างว่า… ‘อนุสรณ์ผู้สละชีพ’
“เฉินเสี่ยวกัง อายุ 31 ปี ผู้มีพลังพิเศษแรงก์ A กำจัดไททันภูผาระดับ 5 เพียงลำพัง จากนั้นก็ถูกศัตรูรุมล้อม กองทัพไปช่วยเขาไม่ทันเวลา เขาจึงถูกไททันล้อมและฆ่าตายจนไม่เหลือแม้แต่กระดูก”
“เฝิงอันกั๋ว อายุ 40 ปี ผู้มีพลังพิเศษไฟแรงก์ A กำจัดไททันไปกว่า 200 ตัวเพื่อช่วยเหลือสหายที่ติดอยู่ในวงล้อม ในช่วงเวลาสุดท้ายเขาเลือกที่จะทำลายตัวเอง ยอมตายไปพร้อมกับไททันเงาทมิฬระดับ 5 จนไม่เหลือแม้แต่เถ้าถ่าน”
“ฟางอวิ๋น อายุ 23 ปี ผู้มีพลังพิเศษรักษาแรงก์ C รักษาผู้บาดเจ็บจากสนามรบโดยไม่หลับไม่นอนเป็นเวลา 7 วัน 7 คืน สุดท้ายเขาก็เสียชีวิตลงจากการทำงานหนักเกินไป กระดูกของเขาถูกฝังเอาไว้ในสุสานผู้สละชีพ”
“ฉู่เลี่ย อายุ 18 ปี ผู้มีพลังพิเศษแรงก์ C ถูกไททันจับตัวไปเค้นข้อมูล และถูกไททันกินจนไม่เหลือแม้แต่กระดูก”
…
ข้อความที่สลักไว้บนอนุสรณ์วีรบุรุษนั้นคล้ายกับเลือด
ทุกความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ ล้วนถูกเขียนด้วยเลือดและน้ำตา
อนุสรณ์วีรบุรุษ วีรชนผู้ล่วงลับ
พวกเขาตายเพื่อแผ่นดิน
หากสังเกตให้ดี จุดจบของคนเหล่านี้คือ… ไม่หลงเหลือร่างกายอยู่เลย!
ไร้ร่างกาย! ไร้หลักฐานของการมีอยู่!
เมื่อทุกคนมองไปยังอนุสรณ์วีรบุรุษที่อยู่ตรงหน้า กลุ่มคนที่อยู่ตรงนั้นก็อดไม่ได้ที่จะหลั่งน้ำตา พร้อมกับกำมือแน่นจนเล็บจิกเข้าไปในเนื้อ
บนอนุสรณ์วีรบุรุษแทบไม่มีร่างของทหารที่ต่อสู้ในแนวหน้าเหลืออยู่เลย
โดยเฉพาะเด็กหนุ่มที่ชื่อฉู่เลี่ย…
ทำไมกัน? ทำไม?!
เขาเป็นเพียงเด็กอายุ 18 ปีเท่านั้น!!
เขาควรอยู่ในรั้วโรงเรียนเหมือนกับพวกเขาทุกคน เล่นสนุกกับเพื่อน ๆ ศึกษาเล่าเรียนร่วมกัน
พวกเขาไม่มีทางจินตนาการได้เลยว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างที่เขาถูกไททันจับตัวไป
ขณะที่คนอื่น ๆ กำลังนั่งอยู่ในห้องเรียนที่มีแสงแดดอบอุ่นส่องถึง ในแนวหน้าที่ตั้งอยู่ไกลโพ้น มีเด็กหนุ่มกำลังสิ้นหวังในตอนที่ถูกไททันกลืนกินอย่างโหดร้าย
“ไอ้ไททันเวรพวกนั้น!!”
“ฆ่าพวกมัน ฉันจะต้องฆ่าพวกมันด้วยน้ำมือของฉันเอง!!”
บัดนี้ดวงตาของนักเรียนทุกคนเปลี่ยนเป็นแดงก่ำพร้อมกับที่ร่างกายสั่นเทาไม่หยุด
“ฉันรู้ว่าพวกเธอกำลังโกรธแค้น”
เฉินหู่สูดหายใจเข้าลึก ๆ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “ฉันหวังว่าพวกเธอจะจดจำความโกรธแค้นในตอนนี้เอาไว้!”
“ตอนนี้สงครามในแนวหน้ากำลังเข้มข้นมาก ขอเพียงพวกเธอมีอายุครบ 18 ปี ทุกคนก็มีสิทธิ์เข้าร่วมกองทัพ!”
“และหากไม่มีข้อผิดพลาดอะไร คนที่มีพลังพิเศษทุกคนจะได้ไปเข้าร่วมต่อสู้ในแนวหน้า!”
หลังจากที่ผู้บัญชาการกองทัพพยัคฆ์กล่าวเช่นนี้ นักเรียนทุกคนต่างก็พากันฮึกเหิม
“ในยามที่ประเทศมีภัย เราควรกล้าที่จะก้าวออกมา!”
“ถูกต้อง ฉันเองก็ด้วย อย่างมากสุดฉันก็อาจจะตายในสนามรบ”
“ฮ่า ๆๆ คอยดูเถอะ ฉันจะทำให้ไททันพวกนั้นเข้าใจว่าหนี้เลือดที่แท้จริงคืออะไร!!”
เมื่อเฉินหู่มองกลุ่มนักเรียนที่กำลังดุเดือดเลือดพล่านตรงหน้า เขาก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจด้วยความโล่งอก
แม้ว่านักเรียนที่อยู่ต่อหน้าเขาอาจจะไม่เคยพบเห็นความโหดร้ายในสนามรบมาก่อน แต่เขาก็ยังสัมผัสได้ถึงเลือดนักสู้ของทุกคนอย่างชัดเจน
คนหนุ่มสาวเหล่านี้คืออนาคตของประเทศชาติ
พวกเขาคือความหวังที่แท้จริง!
ถ้าไม่ใช่เพราะนี่เป็นภัยพิบัติระดับชาติ คงไม่มีใครยอมให้เด็กพวกนี้ต้องไปเสี่ยงในสนามรบ
น่าเสียดายที่ปัจจุบันสถานการณ์ที่แนวหน้าตึงเครียดมาก ไททันยักษ์ใหญ่กำลังรุดหน้ามาทีละก้าว พวกเขาจึงจำเป็นต้องดึงเยาวชนจากแนวหลังมาช่วย
สำหรับประเทศอื่น ๆ นี่เป็นงานที่แทบจะเป็นไปไม่ได้แล้ว
ถึงอย่างไรทุกคนก็รู้ดีว่าสนามรบไม่ต่างจากเครื่องบดเนื้อขนาดใหญ่
ทุกนาที ไม่สิ… ทุกวินาที มีทหารนับพันต้องสิ้นชีพ
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้คงไม่มีใครเต็มใจจะไปตายในแนวหน้ากัน
แต่ประเทศของพวกเขาไม่เหมือนที่อื่น…
ประชาชนที่นี่สำนึกรักบ้านเกิดของตนเอง
ขอเพียงประเทศชาติต้องการ คนหนุ่มสาวทุกคนก็พร้อมที่จะลุกขึ้นมาสมัครเข้าร่วมกองทัพเพื่อไปรบในแนวหน้า!
ซึ่งในทุกตารางนิ้วของแผ่นดินล้วนแลกมาด้วยทหารนับแสนนาย!
นอกจากประเทศพวกเขาแล้ว ไม่มีประเทศใดที่มีความสามัคคีแน่นแฟ้นเช่นนี้!
…
ขณะนี้พระอาทิตย์กำลังลอยเด่นอยู่กลางท้องฟ้า
ที่หน้าประตูโรงเรียนมัธยมหนานเจียงหมายเลข 1 การเกณฑ์ทหารได้เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ
ปัจจุบันหน้าสำนักทะเบียนข้อมูลเกณฑ์ทหารมีแถวยาวเหยียด แม้หน้าตาของนักเรียนพวกนั้นอาจจะดูเด็กไปสักหน่อย แต่แววตาของทุกคนล้วนเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นตั้งใจที่จะออกไปเผชิญกับความตาย
ทางด้านนักข่าวหลายคนได้มารวมตัวกันที่นี่เพื่อถ่ายภาพนำเสนอข่าวกันเงียบ ๆ
พวกเขาเพียงต้องการบันทึกช่วงเวลานี้เอาไว้
ภาพถ่ายของคนหนุ่มสาวที่เข้าร่วมกองทัพอย่างแน่วแน่จะกลายเป็นขวัญกำลังใจให้กับทุกคนอย่างแน่นอน!
ในเวลาเดียวกัน มันยังสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้คนจำนวนมากให้ก้าวเข้าร่วมการสู้รบในแนวหน้า
สำหรับนักข่าวเหล่านี้ นี่เป็นจุดมุ่งหมายของการถ่ายภาพ
ถึงพวกเขาจะอยู่ในแนวหลัง แต่พวกเขาก็ยังอยากจะทำอะไรบางอย่างที่มีส่วนสนับสนุนประเทศชาติด้วยเช่นกัน


แสดงความคิดเห็น