บทที่ 2...2/3
ไซรัสผิดคาดพลางมองรามินอย่างชั่งใจ “อาไม่กลัวผมทำอะไรลูกสาวของผู้หญิงที่ทำให้แม่ของผมตรอมใจหรือครับ คราวก่อนแค่จะลักพาตัว คราวนี้อาจจะ...”
รามินยิ้มที่มุมปากเพราะเขารู้อยู่แล้วว่าไซรัสรออยู่ในห้องนี้ทำไม เขาถึงได้สั่งให้เมดาพาลัลนาไปที่บ้านอีกหลัง ซึ่งห่างจากบ้านหลังนี้พอสมควร แต่น่าจะทำให้ผู้หญิงคนนั้นสบายใจกว่าที่จะมาอยู่ร่วมบ้านกับเขาเหมือนกัน
“ก็ได้ ในรั้วบ้านหลังนี้ มีบ้านแยกออกไปอีกหลายหลัง ที่อาตกลงเพราะไม่อยากไปประกันตัวแก ไม่อยากให้เสียชื่อเสียงตระกูล พอใจแล้วก็ออกไปได้”
ไซรัสยิ้มกว้างกระหยิ่มอยู่ในใจเพราะเขาชนะลัลนา โดยที่ไม่รู้ว่าผู้เป็นอารู้ทันผู้เป็นหลานทุกอย่าง รามินก็ปล่อยให้หลานเข้าใจไปแบบนั้น ตราบใดที่ไม่เกิดเรื่องวุ่นวายในตระกูลไอมาล เขาแค่คิดผลลัพธ์ที่ทุกฝ่ายพอใจเอาไว้แล้วก็เท่านั้น
“นึกว่าจะชวนอยู่กินอาหารเย็นเสียอีก” ไซรัสแกล้งบ่น
รามินร้องเฮอะในลำคอ “ปกติแล้วแกทานอาหารที่นี่งั้นหรือ ทำไมอาต้องชวน แกทำอะไรตามใจตัวเองมาแต่ไหนแต่ไร แค่อย่าให้เกิดปัญหาให้แม่แกปวดหัวจนเข้าโรงพยาบาลก็พอ”
“ผมไม่ทำอะไรให้แม่เสียใจหรอกครับ แต่ใครที่ทำให้แม่เสียใจ ผมไม่ปล่อยไว้หรอก”
ใครที่ไซรัสหมายถึง รามินรู้ดีถึงได้แยกให้สองคนนี้อย่าได้พบกันหรือหากพบก็คงต้องมีบอดี้การ์ดของเขาอยู่ด้วย ไซรัสชอบทำตามใจตัวเอง เขาไม่อยากให้หลานวู่วาม
“ไซรัสตอนนี้อาคือคนที่พี่ราเมสฝากฝังให้ดูแลลัลนา ฉะนั้นไม่ว่าอะไรที่แกทำ ถ้าไม่กระทบกับลัลนา อาจะไม่ยุ่ง แต่ถ้าเกี่ยวข้องกับลัลนา อาก็คงต้องเข้าไปจัดการเหมือนคราวก่อน”
ไซรัสถอนใจเสียงดังตามประสาคนที่ชอบเอาแต่ใจ แต่กับรามินเขาก็ทำแค่เท่านี้กับบ่นอีกนิดหน่อย
“ทำไมอารามินต้องเข้าข้างผู้หญิงคนนั้นด้วย”
“อาไม่ได้เข้าข้างใครทั้งนั้น อาแค่ทำในสิ่งที่ควรทำ”
รามินรู้หากไม่ถูกใจไซรัส เขาจะกลายเป็นคนที่เข้าข้างลัลนา ในขณะที่ลัลนาก็คิดว่าเขาเข้าข้างไซรัส
“โทรศัพท์แกสั่นมาหลายรอบแล้ว กดรับเถอะ ผู้หญิงของแกคงใจแทบขาดแล้วกระมัง”
ไซรัสยิ้มเหวอๆ ไม่คิดว่ารามินจะได้ยินและยังรู้ทันอีกด้วย เขาคงเป็นคนเดียวในตระกูลไอมาลที่เลขาของรามินต้องตามไปช่วยแก้ข่าวให้ เขาเหมือนรอยด่างในตระกูล ในขณะที่รามินพยายามให้ตระกูลไอมาลสมบูรณ์แบบที่สุด ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ไซรัสรู้และเห็นมาตั้งแต่เด็กว่าการเป็นคนในตระกูลไอมาลสิ่งเดียวที่ดีคือพร้อมพรั่งเงินทอง แต่จะตายเมื่อไหร่ไม่มีใครรู้เลย เพราะความเป็นครอบครัวของไอมาลคือการพร้อมที่จะส่งคนมาฆ่ากันเอง
รามินรอจนกระทั่งหลานชายนั่งรถที่เต็มไปด้วยบอดี้การ์ดออกไปจากบ้าน เขาเดินมาที่หน้าต่างห้องนอนของตัวเองเพื่อมองไปยังบ้านซึ่งเห็นได้ชัดจากตรงนี้ ชายหนุ่มถอนใจรู้สึกโกรธพี่ชายอยู่ครามครัน ทำไมต้องให้เขารับหน้าที่ดูแลลัลนาด้วย เธอไม่ได้อยากให้เขาดูแลสักนิด เอาเถอะ หากหาผู้ชายที่เหมาะสมและเธอคนนั้นชอบพอ เขาคงหมดภาระจากเธอได้เสียที การพามาที่นี่จะเกิดปัญหาอีกมากมาย แต่หากไม่พามาด้วย เธอคงได้ตายไปแล้ว ไม่ใช่จากไซรัสหรอก หลานคนนี้แม้จะมุทะลุดึงดัน แต่จิตใจไม่ได้โหดเหี้ยม แต่คนที่ไม่แสดงท่าทีอะไรเลยต่างหากที่น่ากลัว
ลัลนาเดินตามแม่บ้านที่น่าจะอายุมากกว่าเธอไม่มากซึ่งชื่อว่าเมดาไปตามทางเดินที่มีดอกไม้หน้าตาแปลกๆ และรูปปั้นสัตว์ เช่น ม้า เสือ สิงโต นก เธอมองไปรอบตัวก็นึกแปลกใจเพราะมีรูปปั้นสัตว์ แต่กลับไม่มีสัตว์เลี้ยงให้เห็น บางทีพื้นที่คฤหาสน์ที่กว้างใหญ่ขนาดนี้คงมีพื้นที่ให้รามินเลี้ยงสัตว์ที่เขาชอบกระมัง ท่าทางชอบวางอำนาจและเผด็จการแบบนั้นคงชอบเลี้ยงพวกเสือหรือสิงโต
หญิงสาวก้มลงมองทางเดินแล้วยิ้มชอบใจเพราะมีลวดลายตามพื้นหินอ่อนราวกับตั้งใจสลักออกมาเป็นเรื่องราว ถ้าเธอดูไม่ผิดเหมือนมาจากนิยายกระต่ายกับเต่า ตรงทางเดินอื่นจะเป็นนิทานเรื่องอะไรนะ ลัลนาสงสัยและคิดไว้ว่าหากมีเวลาเธอจะเดินสำรวจสักหน่อย คนทำทางเดินช่างเป็นคนมีอารมณ์ขบขันและสร้างสรรค์ไม่น้อยเลย ซึ่งไม่น่าเป็นความคิดของรามิน
เมดาพาลัลนาเดินมาและเล่าไปตามหน้าที่ว่าอาคารนั้นใช้ทำอะไร อย่างที่ลัลนาเพิ่งเดินผ่านมานั้นภายในมีต้นไม้หายากที่แม่ของรามินหามาจากทั่วโลกและมีการดูแลเรื่องอุณหภูมิอย่างดี ส่วนบ้านหลังใกล้ๆ กับหลังที่เมดาบอกว่าเป็นพักของลัลนานั้น เมื่อก่อนใช้เป็นที่วาดรูปของรามิน แต่ตอนนี้ปิดใช้ไปแล้วเพราะเขาไม่ค่อยมีเวลาว่างสักเท่าไหร่ ลัลนาได้แต่ยิ้มว่าคนทำหน้าเหมือนหิวเลือดทั้งวันแบบนั้นมีความอ่อนไหวทางอารมณ์จนถ่ายทอดออกมาเป็นงานศิลปะด้วยหรือ แน่ล่ะเธอไม่รู้จักเขามากพอที่จะตัดสินอะไรได้
เมดาไขเปิดประตูบ้านสองชั้นที่ลัลนาเห็นครั้งแรกก็ชอบทันทีเพราะดูเรียบง่ายไม่หรูหราอลังการ น่าสบายเพราะมีสวนหย่อมอยู่ข้างบ้านสองชั้น ซึ่งมีชิงช้าให้นั่งเล่น ดูร่มรื่นและสบายตาเพราะตัวบ้านทาสีครีมแบบที่เธอชอบ ดูคล้ายบ้านที่เมืองไทยของเธออยู่ไม่น้อย
“เชิญค่ะ คุณรามินแจ้งว่าให้คุณลัลนาพักที่เรือนรับรองหลังนี้เพราะเป็นส่วนตัวและคุณลัลนาน่าจะชอบกว่า” เมดาบอกพร้อมส่งกุญแจบ้านให้ลัลนา
ลัลนารับกุญแจมา ก่อนจะเดินเข้าไปในบ้านแล้วยิ้มกว้างกว่าเดิมเพราะตรงกลางห้องนั่งเล่นมีเปียโนอยู่หลังหนึ่ง มันเป็นเรื่องบังเอิญหรือรามินรู้ว่าเธอชอบเล่นเปียโนกันนะ แต่ไม่ว่ามันเป็นเพราะอะไร เธอขอขอบคุณผู้ชายคนนั้นอยู่ในใจ
“ฉันชอบค่ะ ที่นี่ดูเหมือนบ้านกว่าคฤหาสน์หลังนั้นอีก”
เมดายิ้มตาม แต่ไม่ได้พูดอะไร ทำให้ลัลนาสงสัยว่าเธอพูดอะไรที่ไม่สมควรหรือเปล่า
“ฉันพูดอะไรผิดไปหรือเปล่าคะเมดา”
เมดาส่ายหน้าพร้อมกับยกมือปฏิเสธพลางตอบเป็นภาษาไทยด้วยประโยคยาวเหยียด “ไม่มีอะไรหรอกค่ะคุณลัลนา ปกติแล้วมีแต่คนอยากเข้าไปอยู่ที่นั่น เพิ่งมีคุณลันนาคนแรกดีใจที่ได้มาอยู่เรือนรับรอง”
“คุณพูดภาษาไทยเก่งจัง” ลัลนาชมจากใจจริงเพราะไม่คาดคิดว่าเมดาจะพูดภาษาไทยได้คล่องพอๆ กับภาษาอังกฤษ แม่บ้านของรามินต้องมีคุณสมบัติพูดได้กี่ภาษากันนะ
“คุณผู้หญิงที่เสียไปสอนไว้น่ะค่ะ จริงๆ แล้วทุกคนในบ้านหลังนี้พูดได้ทั้งภาษาไทย อาราบิกและอังกฤษคะ แต่ว่าถ้าคำไหนพูดกันแล้วไม่เข้าใจก็พิมพ์แล้วส่งคำแปลจะง่ายกว่า”
ลัลนาพยักหน้ายิ้มสบายใจ อย่างน้อยเธอน่าจะได้เพื่อนใหม่ในบ้านหลังใหม่แล้ว
“ขอบคุณนะคะสำหรับคำแนะนำ”
เมดายิ้มอย่างมีไมตรี ก่อนจะขอตัวไปทำงานของตัวเองต่อ ลัลนาจึงปิดประตูแล้วสำรวจบ้าน ทุกอย่างเหมือนจัดไว้พร้อมรอเธอให้มาอยู่อย่างไรอย่างนั้น ห้องนอนขนาดพอๆ กับบ้านที่ไทยของเธอ สีผ้าปูที่นอน ผ้าห่ม สีผ้าม่าน มุมที่วางโต๊ะทำงาน
ลัลนาเริ่มมั่นใจแล้วว่ามันไม่ใช่ความบังเอิญ รามินคงมั่นใจว่าอย่างไรก็ต้องพาเธอมาด้วยจนได้ เขาเตรียมทุกอย่างไว้พร้อมแล้วถึงได้เดินทางไปประเทศไทย รอให้จบจากงานศพของแม่เธอ หลังจากนั้นเขาก็ทำตามความตั้งใจของตัวเอง ลัลนาคิดว่าเขาช่างน่ากลัวและน่าทึ่งในเวลาเดียวกัน
รามินเตรียมบ้านไว้รออ่ะคิดดู เธอจะหนีไปพ้นยัยลัล
มาอัพต่อแล้วนะคะ ขอบคุณที่เข้ามาค่ะ
บรรพตี(อัมราน)


แสดงความคิดเห็น