บทที่ 19 จากลา 1
บทที่ 19 จากลา 1
เสียงปืนของรูรุดังกึกก้อง กระสุนนับพันพุ่งทะยานเข้าหาร่างของไบรท์ แม้มันจะรวดเร็วยิ่งนัก ทว่าในสายตาของไบรท์กลับดูเชื่องช้าเป็นอย่างยิ่ง
ร่างของเขาเคลื่อนไหวพลิ้วไหว หลบเลี่ยงกระสุนราวกับเงา เสียงกระสุนเฉียดผ่านอากาศ ใกล้จนปลายเส้นผมสะบัดไหว
แต่กระสุนนั้นมิใช่ธรรมดา หากเต็มไปด้วยพลังทำลายล้างเวทมนตร์โดยสิ้นเชิง — ปืนเวทมนตร์แบบสลายเวท ที่บรรจุกระสุนพิเศษจากแก่นผลึกเวทบริสุทธิ์ อานุภาพของมันสามารถตัดเส้นทางเวทมนตร์ได้ในชั่วพริบตา
“สมกับเป็นนาย…” ไบรท์พึมพำ พลางยิ้มเย็น
“ถ้ารับกระสุนแบบนี้ตรง ๆ คงไม่เหลือแม้แต่เถ้าถ่าน” เขาเอ่ยอย่างเรียบเฉย สายตาจับจ้องไปยังปืนที่ยังคงมีควันลอยขึ้นในมือของรูรุ
รูรุยิ้มมุมปากอย่างผู้มั่นใจ “เกินคาดจริง ๆ…”
ทว่า...
ก่อนที่นิ้วจะสัมผัสไกปืน ร่างของไบรท์ก็อันตรธานหายไปทันใด
เสียงฟันแหวกอากาศสะท้อนก้อง ก่อนที่คมดาบจะฟาดฟันลงกลางหลังของเด็กหนุ่ม ร่างของรูรุไร้การป้องกัน เซถลาไปข้างหน้า
เหนือม่านน้ำแข็งที่ไอสร้างขึ้นเพื่อปกคลุมบริเวณโดยรอบ ลำแสงสีส้มเจิดจ้าก็ผุดขึ้นราวกับตะวันยามเย็น ไบรท์กางพลังเวทย์แห่งไฟเพื่อสกัดธารน้ำแข็ง พลังเพลิงแผ่ขยายออกในชั่วพริบตา ทำให้น้ำแข็งพังทลายลง
คาเสะรีบร่ายเวทย์น้ำเพื่อป้องกัน แต่ไม่ทันการ — ลูกไฟขนาดยักษ์พุ่งทั้งคาเสะและอาสึนะ อาสึนะเสกเวทไฟขึ้นมาแล้วปาออกไปเพื่อรดแรงปะทะ ทว่าดวงไฟของไบรทกับเข้าไปแผดเผาใบหน้าของอาสึนะ
“อาสึนะ!”
คาเสะตะโกนลั่น วิ่งเข้ามาพยุงร่างที่กำลังทรุดตัวลง ไบรท์ยืนนิ่ง สายตาวูบไหวด้วยความรู้สึกผิด
“บ้าไปแล้วหรือไบรท์” เด็กสายผมเขียวกล่าวก่อนที่จะเดินตรงไปและเงื่อมือตบหน้าของไบรท์ รอยฝ่ามือของคาเสะประทับลงบนใบหน้าคมเข้ม หยดน้ำตาเริ่มเอ่อล้นจากดวงตาของคาเสะ เธอมองไบรท์ด้วยความเสียใจ
ไบรท์รู้สึกผิดในจิตจัย แต่สายตานั้นก็กลับเย็นชาเหมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“ใครใช้ให้เข้ามายุ่ง...” เสียงของเขาแข็งกร้าว
“เธอไม่ตายง่าย ๆ หรอก ถ้าฝึกเวทรักษาไว้ก็ใช้มันสิ ศิษย์รักของอาจารย์ไอไม่ใช่หรือ”
“ผิดหวังจริง ๆ ที่ได้เห็นนายเป็นแบบนี้ ฉันไม่รู้หรอกว่าจริง ๆ แล้วนายจะเห็นอนาคตแบบไหนมา แต่ว่านะตอนนี้มันไม่เหมือนเมื่อก่อน พวกเราน่ะแข็งแกร่งขึ้นมากว่าเมื่อก่อนแล้ว”
“ฮ่าๆๆๆ สำหรับฉันพลังของพวกเธอมันก็เหมือนเด็กน้อยที่เพิ่งลืมตาตื่น พวกเธอน่ะอย่ามายุ่งกับฉันอีก”
แต่ความรู้สึกผิดเพียงชั่ววูบก็ถูกแทนที่ด้วยพลังอำมหิตที่ปะทุขึ้นจากร่างของนักเวทย์หนุ่ม
สิ้นเสียง เขตเวทย์แห่งเปลวไฟก็แผ่กว้างปกคลุมทั่วฟากฟ้า — เวทย์อัคคายุ ผสานพลังลมและไฟอันเป็นธาตุประจำตัวของไบรท์ ทำให้พวกมอนสเตอร์ที่อยู่รอบ ๆ ถูกเปลวเพิงเผาผาน
“พอเถอะ! จะเผาทุกคนทั้งเป็นหรือยังไง?” รูรุร้องห้าม
“หลีกไป...” ไบรท์ตวาด พลางโหมเวทย์ลมให้เปลวไฟลุกโชน
ในวินาทีสุดท้าย เขาร่ายเวทย์พลางกาย แล้วหายตัวไปดุจภูพิพลาย
“ไบรท์ไปไหนแล้ว!?” คาเสะถามเสียงสั่น หญิงสาวผมเขียวกวาดตามองไปรอบ ๆ เพื่อสำรวจ บัดนี้ท้องฟ้าที่เคยเต็มไปด้วยพวกปีศาจพลันหายไปเสียสิ้น พลังเวทมนตร์อันแสนชั่วร้ายอันตทานไปเช่นเดียวกัน
“ถามฉันก็ไม่รู้ จะให้ไปถามใครล่ะ ฉันก็อยู่ตรงนี้เหมือนกัน” รูรุตอบอย่างหงุดหงิด ขณะที่มือของเธอกุมบาดแผลตรงสีข้าง
“ก่อนอื่นนะ... เธอรักษาแผลให้พวกอาจารย์ไอก่อนดีกว่า” รูรุพูดพลางเหลือบมองไปยังร่างของไอที่นอนแน่นิ่ง
ทันใดนั้น สายลมหมุนวนขึ้นมาเป็นเกลียว คาเสะเรียกลมพายุอย่างรวดเร็ว พลังเวทเปล่งประกายแสงสีเขียวเจือฟ้า หอบร่างของไอขึ้นจากพื้นอย่างเบามือ
“ถามฉันก็ไม่รู้ จะให้ไปถามใครล่ะ ฉันก็อยู่ตรงนี้เหมือนกัน!” รูรุตอบอย่างหงุดหงิดกว่าเดิม ใบหน้าเต็มไปด้วยเหงื่อและความกังวล
“ขอโทษ...” คาเสะพูดเสียงเบา ก่อนจะหลับตาและยกมือขึ้น เรียกพลังเวทรักษาออกมา
แสงสีเขียวอ่อนเรืองรองปรากฏขึ้นรอบมือของคาเสะ มันค่อย ๆ ขยายตัวออกไปครอบคลุมร่างของรูรุและคนอื่น ๆ ที่อยู่ใกล้เคียง พลังเวทไหลผ่านร่างของพวกเขาอย่างอบอุ่น บาดแผลที่เต็มไปด้วยเลือดและรอยไหม้จากเวทมนตร์ค่อย ๆ จางหายลง กลายเป็นรอยแผลเป็นบาง ๆ แล้วเลือนหายไปในที่สุด
รูรุมองแสงสีเขียวที่ล้อมรอบตัวเขาด้วยความรู้สึกโล่งใจ ร่างกายเขาเริ่มรู้สึกเบาขึ้น
“ขอบใจนะ... คาเสะ” รูรุพูดเบา ๆ เสียงอ่อนลงกว่าเดิม
หลังจากนั้น คาเสะไม่รอช้า เธอลุกขึ้นและรีบตรงไปยังจุดที่ไอกับแอนนายังคงนอนแน่นิ่งอยู่
“เดี๋ยวพวกเธอสองคน ฉันจะช่วยเอง...” เธอพึมพำ พร้อมกับร่ายเวทรักษาขึ้นอีกครั้ง แสงสีเขียวเปล่งประกายออกจากฝ่ามือของเธออีกครั้ง ล้อมรอบร่างของไอและแอนนาอย่างอ่อนโยน
ไอขมวดคิ้วเล็กน้อย แสดงอาการตอบสนองต่อเวทมนตร์ ขณะที่แอนนาค่อย ๆ ขยับมือเหมือนจะตื่นขึ้นมา
คาเสะยิ้มบาง ๆ แม้จะเหนื่อยล้า
“พวกเรายังไม่แพ้... เราต้องพาไบรท์กลับบมาให้ได้”
ไบรท์ยืนอยู่บนซากอาคารพังทลาย เศษหิน เศษเหล็ก และเถ้าถ่านจากเพลิงไหม้ลอยอบอวลในอากาศ กลิ่นควันและเลือดเจือปนกันอย่างรุนแรงจนแสบจมูก แสงแดดสีส้มยามเย็นสาดผ่านม่านควันหนาทึบ เผยให้เห็นภาพของเมืองที่เคยรุ่งเรือง กลับกลายเป็นเพียงเงาซากแห่งอดีต
เขาถอนหายใจแผ่วเบา ดวงตาที่เคยสว่างไสวบัดนี้หม่นแสงลงด้วยความรู้สึกผิดและความหนักอึ้งในใจ
เบื้องหลังเขา ชายหนุ่มสองคนยืนเงียบ เส้นผมสีดำขลับตัดกับแววตาสีแดงฉานราวกับเปลวเพลิงที่ยังไม่มอดดับ
“นายท่าน ทำไมต้องทำอย่างนี้...” หนึ่งในนั้นกล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
“ดีแล้วล่ะ...” ไบรท์ตอบโดยไม่หันกลับไปมอง
“การเดินทางครั้งนี้...ไม่แน่ว่าฉันอาจจะไม่ได้กลับมายังโลกนี้อีก”
“ไม่มีทางหรอกครับ!” อีกคนเถียงอย่างหนักแน่น
“ถ้าหากท่านสามารถเป็นจักรพรรดิเวทมนตร์ได้จริง การที่จะชนะพวกเผ่าเทพและมารก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไร”
“แต่ว่านะ……” ไบรท์หยุดพูดไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเปลี่ยนเรื่อง “ว่าแต่พวกนายไปจัดการพวกมอนสเตอร์เรียบร้อยแล้วใช่ไหม?”
ชายหนุ่มทั้งสองพยักหน้า
ไบรท์หันกลับมามองพวกเขา ดวงตาทอประกายขึ้นเล็กน้อยก่อนจะยกยิ้ม “แล้วพวกนายเจอเจ้าพวกนั้นหรือยัง?”
“เรื่องนั้น...พวกเรารู้แล้วว่ามันอยู่ที่ไหน”
“ถ้าอย่างนั้น ก็ไปกันเถอะ...”
สิ้นเสียงพูดของเขา ลมกระโชกแรงพลันพัดผ่านมาอย่างน่าพิศวง ท้องฟ้าเบื้องบนบิดเบี้ยว เสียงแหลมแทรกผ่านอากาศราวกับมิติกำลังถูกฉีกออก
ประตูมิติสีดำขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นเบื้องหน้า มันหมุนวนช้า ๆ เหมือนน้ำวนในทะเลลึก เย็นยะเยือกและน่าขนลุก
ไบรท์ย่างเท้าช้า ๆ เข้าไปข้างใน เขาหยุดเพียงเสี้ยววินาที ก่อนจะกล่าวกับตัวเองด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
‘เส้นทางที่ฉันเลือกน่ะ...เต็มไปด้วยเลือด’


แสดงความคิดเห็น