บทที่ 329 โจมตีป้อมปราการวินด์ธันเดอร์

-A A +A

บทที่ 329 โจมตีป้อมปราการวินด์ธันเดอร์

บทที่ 329 โจมตีป้อมปราการวินด์ธันเดอร์

“มาแล้วเหรอน้องชาย?” ฉือมู่กล่าวด้วยรอยยิ้ม

ฉงป้ายังคงนิ่งเงียบไม่พูดอะไร มีเพียงรอยยิ้มที่ประดับอยู่บนใบหน้า

“คุณทั้งสองคนเรียกผมมามีธุระอะไรงั้นเหรอครับ?” ลู่หยางถาม

“คราวนี้น้องชายคิดการใหญ่เลยนะ ถึงขนาดจะแย่งชิงป้อมปราการมาจากพวกเดธโซล” ฉือมู่กล่าว

“ก็ผมไม่มีทางเลือกนี่ครับ พวกคุณมีป้อมปราการกันแล้วแต่ผมยังไม่มี ถ้าผมไม่ออกไปชิงป้อมปราการมาด้วยตัวเอง แล้วผมจะเอาป้อมปราการมาจากไหน” ลู่หยางกล่าวพร้อมกับยักไหล่

“พวกเราอย่าเสียเวลาพูดจาอ้อมค้อมกันเลย ตอนนี้บลัดไทแรนท์กำลังส่งคนไปช่วยแบล็คบลัด 50,000 คน แล้วฉันขอถามนายแค่คำเดียวว่านายต้องการความช่วยเหลือจากพวกเราไหม?” ฉงป้าถามเข้าประเด็น

“ไม่จำเป็นครับ” ลู่หยางตอบอย่างตรงไปตรงมา

ฉือมู่กับฉงป้ามองไปทางลู่หยางด้วยความประหลาดใจ เพราะในตอนแรกพวกเขาต้องการที่จะดูทีท่าจากอีกฝ่ายก่อนแล้วค่อยแสดงความช่วยเหลือเพื่อแลกกับผลประโยชน์ที่พวกเขาจะได้รับ แต่ในความเป็นจริงกลับกลายเป็นว่าลู่หยางไม่ต้องการความช่วยเหลือกับพวกเขาเสียอย่างนั้น

“บลัดไทแรนท์กำลังนำกำลังไปเสริมอีก 50,000 คนนะ ในกองกำลังนั้นมีผู้เล่นเลเวล 30 ที่ใส่ชุดระดับทองถึง 3,000 คน แถมยังมีกองกำลังพิเศษที่เปลี่ยนอาชีพพิเศษอยู่ด้วย หลังจากที่พวกเขามีเวลาออกไปพัฒนามาครึ่งเดือน ตอนนี้กองกำลังของพวกเขาก็แข็งแกร่งมากเลยนะ” ฉือมู่กล่าว

“ใช่ ตอนนี้พวกเขามีทรัพยากรอยู่เยอะมาก เพราะกิลด์ย่อยของบลัดเติสตี้กำลังบุกป้อมนอกเมืองนอร์ทวินด์กับเมืองแฮนนิบัลอยู่ด้วย” ฉงป้ากล่าวเสริม 

“แล้วยังไงครับ?” ลู่หยางกล่าวพร้อมกับเผยรอยยิ้มออกมาอย่างเย็นชา 

“คำพูดของพวกเรามันยังไม่ชัดอีกงั้นเหรอ? ตอนนี้บลัดเติสตี้แข็งแกร่งกว่าเดิมมากแล้วและยังมีโซลออฟอีเทอนิตี้ที่ยึดป้อมปราการนอกเมืองซีเอ็มเพอเรอร์ได้ 3 ที่แล้วเหมือนกัน ถ้าหากพวกเขารวมพลังกัน ในเวลานั้นถึงแม้พวกเราทั้ง 3 คนจะร่วมมือกันแต่พวกเราก็สู้พวกเขาไม่ได้หรอกนะ”

ลู่หยางรู้ถึงความแข็งแกร่งของโซลออฟอีเทอนิตี้มานานแล้ว และรู้ด้วยว่าบลัดเติสตี้กำลังทำอะไรอยู่ ไม่อย่างนั้นเขาก็คงไม่เลือกโจมตีเดธโซลในตอนนี้ เพราะท้ายที่สุดเขาก็ไม่อยากจะเผชิญหน้ากับศัตรูที่แข็งแกร่งถึง 3 ฝ่ายในเวลาเดียวกัน

“แล้วพวกคุณมีข้อเสนออะไร?” ลู่หยางถาม

ฉือมู่หันไปสบตากับฉงป้า ก่อนที่ฉงป้าจะหันมาพูดกับลู่หยางอย่างไม่เกรงใจ

“พวกเราสองคนจะช่วยนายยึดป้อมปราการของแบล็คบลัดมาเอง แต่นายต้องให้หุ้นของป้อมปราการนั้นกับพวกเราคนละ 20%”

ลู่หยางมองไปยังพันธมิตรทั้งสองพร้อมกับถอนหายใจออกมาอย่างหนัก เพราะเขาไม่คิดว่าทั้งสองคนจะเห็นแก่ตัวถึงขนาดมาหาผลประโยชน์กับเขาในช่วงเวลาแบบนี้

“น้องชายคิดดี ๆ นะด้วยกำลังพลของนายเพียงอย่างเดียว นายก็ไม่มีทางบุกยึดป้อมปราการมาได้หรอก ต่อให้นายบุกยึดป้อมปราการมาได้จริง ๆ แล้วต่อไปนายจะมีกำลังพลมากเพียงพอจะปกป้องป้อมปราการเอาไว้ได้จริง ๆ เหรอ” ฉือมู่พยายามพูดโน้มน้าว

ลู่หยางส่ายหัวพร้อมกับลุกขึ้นจากโต๊ะ แต่ในขณะที่เขากำลังจะออกจากพื้นที่พิเศษไป เขาก็หยุดชะงักพร้อมกับหันมาพูดกับทั้งสองคนว่า

“เห็นแก่ที่พวกเราเคยเป็นพันธมิตรกัน ผมจะให้ทางเลือกที่ดีกว่ากับพวกคุณทั้งสอง หากคราวนี้พวกคุณส่งกองกำลังมาช่วยผมโดยไม่หวังผลตอบแทนอะไร ในอนาคตผมก็จะส่งกองกำลังไปช่วยพวกคุณโดยไม่หวังผลตอบแทนอะไรด้วยเหมือนกัน”

“ฮ่า ๆ ๆ แบบนั้นมันคงไม่ได้หรอกนะน้องชาย” ฉงป้ากล่าวพร้อมกับส่งเสียงหัวเราะ

ฉือมู่ก็เผยรอยยิ้มออกมาโดยไม่พูดอะไร ลู่หยางจึงทำได้เพียงแต่ส่ายหัวและพูดว่า

“ถ้าอย่างนั้นผมก็ขอให้พวกคุณทั้งสองคนโชคดี ถ้ามันมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นในอนาคตตอนนั้นพวกคุณก็อย่ามาขอความช่วยเหลือจากผมล่ะ”

หลังจากพูดจบลู่หยางก็ออกจากพื้นที่พิเศษไป

“ฉันจะไปขอความช่วยเหลือจากเขาเนี่ยนะ?! ตลกชะมัด” ฉงป้ากล่าวอย่างหยิ่งผยอง

“ก่อนหน้านี้ที่เขาเอาชนะบลัดเติสตี้มาได้ก็เพราะพวกเรายื่นมือไปช่วย ตอนนี้เขากลับมาแสดงตัวราวกับว่าทุกอย่างเป็นฝีมือของตัวเอง” ฉือมู่กล่าวพร้อมกับส่ายหัว

“ปล่อยเขาไปเถอะ อีกไม่นานเขาจะต้องมาขอความช่วยเหลือจากพวกเราแน่ ๆ ในตอนนั้นพวกเราค่อยเพิ่มข้อเสนอจากเดิมโทษฐานที่เขาทำตัวหยิ่งผยองใส่พวกเราก็แล้วกัน” ฉงป้ากล่าว

“ฉันก็คิดแบบนั้นอยู่เหมือนกัน”

หุบเขาฟีนิกซ์

เมื่อถูเฟิงเห็นลู่หยางกลับมาแล้วเขาจึงรีบถามออกไปว่า

“สรุปพวกเขาสองคนเรียกนายไปทำไม?”

“พวกเขาเสนอจะส่งกองกำลังมาช่วยแลกกับหุ้น 40% ของป้อมที่พวกเรากำลังจะไปยึดมา” ลู่หยางกล่าวด้วยรอยยิ้มอันเยือกเย็น

“อะไรนะ?! นี่ฉันคิดมาตลอดเลยนะว่าพวกเขาเป็นคนที่มีคุณธรรม แต่พวกเขามายื่นข้อเสนอแบบนี้ให้กับเราได้ยังไง” ถูเฟิงกล่าวพร้อมกับขมวดคิ้ว

“เงินทองย่อมเปลี่ยนใจคนได้เสมอสินะ” เซาธ์วินด์กล่าว

“สังคมที่เต็มไปด้วยผลประโยชน์มันก็เป็นแบบนี้แหละ พวกเขาคิดว่าหลังจากบลัดไทแรนท์ส่งกองกำลังเสริมมาช่วย 50,000 คนแล้วพวกเราจะไม่มีทางบุกยึดป้อมปราการมาได้ แต่คราวนี้ฉันจะทำให้คนทั่วทั้งเมืองได้รู้เองว่าต่อจากนี้เมืองเซนต์กอลล์จะเดินไปในทิศทางไหน พวกเราบลัดบราเธอร์คือผู้ตัดสิน” ลู่หยางกล่าว จากนั้นเขาก็รีบติดต่อไปหาเจียงเจ๋อในทันที

“เจียงเจ๋อ กองกำลัง 40,000 คนของเดธโซลที่ถูกฆ่าตายกับกองกำลังของบลัดไทแรนท์ 50,000 คนกำลังรวมตัวกันที่ประตูทางทิศตะวันตกของเมือง อีกไม่นานพวกเขาก็น่าจะเดินทางไปถึงจุดของนายแล้ว”

“ฉันกำลังรอพวกเขาอยู่เลย” เจียงเจ๋อตอบ

“ระวังตัวด้วย เดธโซลยังเหลือกองกำลังผู้เล่นชุดทองอีก 1,800 คน ส่วนทางฝั่งบลัดเติสตี้ก็มีกองกำลังผู้เล่นชุดทอง 3,000 คนด้วยเหมือนกัน” ลู่หยางกล่าว

“นิดเดียวเอง กองกำลังพวกนั้นให้เสี่ยวเหลียงจัดการคนเดียวก็พอแล้ว” เจียงเจ๋อกล่าว

“นั่นสินะ คำสั่งของฉันที่มีให้นายมีเพียงแค่อย่างเดียว ทำยังไงก็ได้แต่ขอให้ยืนหยัดเอาไว้แค่ 3 ชั่วโมง ในช่วงเวลานั้นฉันจะนำกองกำลังกายบุกยึดป้อมปราการแล้วจะนำกองกำลังไปช่วยเหลือพวกนายทีหลังเอง” ลู่หยางกล่าวพร้อมกับส่งเสียงหัวเราะ

หลังจากวางสายชายหนุ่มก็ติดต่อไปหาฉิงชางและแม่ทัพคนอื่น ๆ ว่า

“เร่งมือเข้าหน่อย พวกเราต้องกำจัดศัตรูทั้งหมดให้ได้ภายในครึ่งชั่วโมง ตอนนี้บลัดไทแรนท์ได้นำกำลังเสริม 50,000 คนมาช่วยแบล็คบลัดแล้ว”

“ครับ/ค่ะ” ฉิงชาง, เซี่ยหยู่เว่ยและคนอื่น ๆ ตอบพร้อมกัน จากนั้นทุกคนก็เร่งสังหารศัตรูอย่างบ้าคลั่งมากกว่าเดิม

บนกำแพงป้อมปราการวินด์ธันเดอร์

“นักเวททุกคนที่มีสกิลหมู่ขึ้นมายืนตรงนี้”

“นักธนูยิงพลุส่องสว่างลงไปข้างล่างห้ามหยุดเป็นอันขาด!”

สวิฟเดธรีบจัดกำลังพลอย่างตื่นตระหนก เพราะกว่าที่กองกำลังเสริมจะเดินทางมาถึงป้อมปราการได้ มันก็จำเป็นจะต้องใช้เวลาอย่างน้อย 2 ชั่วโมง ขณะเดียวกันหากพวกลู่หยางเดินทางมาจากหุบเขาฟีนิกซ์ มันก็จำเป็นจะต้องใช้เวลาเดินทางเพียงแค่ 30 นาที 

ด้วยเหตุนี้สวิฟเดธจึงกลัวว่าลู่หยางจะเดินทางมาถึงป้อมปราการก่อนแบล็คบลัดและบลัดไทแรนท์ ซึ่งในตอนนั้นกองกำลังผู้เล่นธรรมดาเพียงแค่ 20,000 คนย่อมไม่สามารถต้านทานกองกำลังผู้เล่นระดับสูง 100,000 คนของลู่หยางเอาไว้ได้

ในระหว่างที่สวิฟเดธกำลังกังวลอยู่นั้น ห่างจากป้อมปราการไปประมาณ 30 เมตรก็มีโจรกว่า 10 คนคอยสังเกตการณ์บริเวณประตูป้อมปราการจากทั้ง 4 ทิศ โดยโจรแต่ละคนต่างก็ล้วนแล้วแต่ติดตราสัญลักษณ์ของกิลด์บลัดบราเธอร์อยู่บนอก ซึ่งหนึ่งในกลุ่มคนที่กำลังสังเกตการณ์อยู่นั้นก็มีไป๋เหลิง, ไป๋หูและไป๋ฉือที่กำลังกินน้ำยาพรางตัวเพื่อเฝ้าดูสถานการณ์ของป้อมด้วยตัวเองอยู่อีกด้วย

“ตอนแรกฉันคิดว่าคนที่เฝ้าป้อมจะเป็นกองกำลังหลักของพวกมันซะอีก ไม่นึกเลยว่าพวกนี้จะเป็นแค่สมาชิกธรรมดาที่มีเลเวลแค่ 20 กว่า ๆ แบบนี้” ไป๋ฉือกล่าว

“พี่ใหญ่ ฉันมีความคิดดี ๆ แล้ว” ไป๋เหลิงกล่าว

“ความคิดอะไร?” ไป๋ฉือถาม

“พวกเราบุกโจมตีป้อมก่อนที่หัวหน้าจะมาถึงดีไหม? แล้วพวกเราค่อยเอาป้อมมาเป็นของขวัญต้อนรับตอนที่หัวหน้ามาถึง” ไป๋เหลิงกล่าว

“ฉันเห็นด้วยนะ” ไป๋หูสนับสนุน

“นั่นสินะ การป้องกันของพวกมันอ่อนแอมาก แค่พวกเราก็น่าจะบุกยึดป้อมได้สบาย ๆ แล้ว” ไป๋ฉือกล่าวพร้อมกับส่งเสียงหัวเราะ

“แล้วพวกเราจะโจมตียังไงดี?” ไป๋เหลิงถาม

“เท่าที่ฉันดูพวกมันรวมกำลังไว้ที่ประตูฝั่งเหนือมากที่สุด เดี๋ยวฉันกับไป๋หูจะนำกองกำลัง 15,000 คนบุกโจมตีประตูทางทิศเหนือเอง ส่วนนายเอากองกำลังผู้เล่นชุดทอง 5,000 คนบุกอ้อมไปโจมตีประตูทางทิศใต้” ไป๋ฉือกล่าว

“เอาล่ะ พวกเรามายึดป้อมเป็นของขวัญให้หัวหน้ากันเถอะ” ไป๋หูกล่าว

 

 


จะสำเร็จไหม มาลุ้นกัน!

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 

ติดตามเราได้ที่

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ คัดลอก หรือนำไปดัดแปลงโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืนแล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบนิยาย เรื่องสั้น บทความ หรือเนื้อหาอื่นๆ ที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ที่ keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงานจะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018- keangun. All Rights Reserved.