บทที่ 253: ของขวัญแต่งงานลึกลับ
หุบเขาเทวดานั้นตัดขาดจากโลกภายนอกมาโดยตลอด ดังนั้นครั้งนี้เจียงเหยากับอวี้เซิ่งจึงไม่ได้เชิญใครมาร่วมงานมงคลสมรส จึงมีเพียงชาวบ้านที่อาศัยอยู่ใกล้หุบเขาเท่านั้นที่ได้มาร่วมเฉลิมฉลอง
ชาวบ้านส่วนใหญ่ที่นี่หาเลี้ยงชีพด้วยการเก็บสมุนไพร และได้รับความช่วยเหลือจากหุบเขาหมอเทวดา ดังนั้นพวกเขาจึงรู้สึกมีความสุขมากที่เจียงเหยาแต่งงาน อีกทั้งพวกเขายังมาช่วยจัดงานแต่งล่วงหน้าด้วย
ในช่วงเวลาหนึ่ง หุบเขาหมอเทวดาอันเงียบสงบก็มีชีวิตชีวาขึ้นมา
และแล้ววันแต่งงานของอวี้เซิ่งกับเจียงเหยาก็มาถึง มู่ไป๋ไป่ยืนอยู่ที่ทางเข้าหุบเขาตั้งแต่เช้าเพื่อมองไปรอบ ๆ
ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ท่านเจ้าหุบเขาได้ปลดค่ายกลเพื่ออำนวยความสะดวกให้ชาวบ้านสามารถเดินทางเข้าออกได้ง่ายขึ้น
“ไป๋ไป่ ท่านกำลังรอใครอยู่หรือ?” เซียวถังถังโผล่มาจากที่ใดสักแห่ง ยามนี้ชุดลูกศิษย์ของหุบเขาหมอเทวดาสีขาวราวกับหิมะของนางมีรอยเปื้อนตั้งแต่เช้าตรู่ ใบหน้าของนางเองก็มีรอยสีดำคล้ายผงถ่านเปรอะเปื้อนอยู่ “ท่านกินนี่สิ อาจารย์เพิ่งเผามันหวานเสร็จ ข้าอุตส่าห์แย่งอันสุดท้ายจากมือจื่อเฟิงมาได้”
“ข้าอยากรู้จริง ๆ ว่าจื่อเฟิงของท่านป่วยเป็นอะไร ทำไมเขาถึงกินเยอะขนาดนั้น! เขารู้จักอิ่มบ้างหรือไม่?”
มู่ไป๋ไป่รับมันเผาที่ยังร้อน ๆ อยู่มาถือด้วยอารมณ์ที่หลากหลายแล้วก็ไม่ได้รีบร้อนที่จะกินมันเข้าไป เธอหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาจากแขนเสื้อ ก่อนจะดึงอีกคนเข้ามาใกล้แล้วเช็ดหน้าให้นาง “ดูสภาพเจ้าสิ... นี่ถังถัง ก่อนที่เจ้าจะไปไหน ข้าไม่ได้บอกเจ้าหรอกหรือว่าต้องทำอย่างไร?”
คนตัวเล็กพยายามยกเซียวถังอี้ขึ้นมาเตือนเซียวถังถังว่าอย่าเล่นซนมากนัก
เพราะท้ายที่สุดแล้วทั้ง 2 ก็เป็นหน้าเป็นตาของเชื้อพระวงศ์แห่งเป่ยหลง
“ทำไมท่านพูดถึงพี่ชายของข้าอีกแล้วล่ะ?” เซียวถังถังย่นจมูกด้วยความไม่พอใจเมื่อมู่ไป๋ไป่เอ่ยชื่อของเซียวถังอี้ “ฮึ เขาจะพูดอะไรได้อีก เขาก็คงบอกว่าอย่าทำให้เขาต้องอับอาย”
“ไป๋ไป่ ท่านต้องเป็นพยานให้ข้านะว่าตั้งแต่ออกจากวังหลวงมา ข้าเป็นเด็กดีมาก”
“ไม่อย่างนั้นท่านพี่ของข้าคงหาข้ออ้างมาตีข้าในภายหลัง!”
“...” ฝ่ายที่ยืนฟังเงียบ ๆ ไม่รู้จะพูดอะไรออกไปดี
หากเซียวถังถังยังสามารถเรียกได้ว่าเป็นเด็กดี แล้วก่อนหน้านี้เรียกว่าอะไร?
ประพฤติตัวดีมาก?
ขณะที่เด็กทั้ง 2 กำลังพูดคุยกันอยู่นั้น มู่ไป๋ไป่ก็เห็นแมวอ้วนตัวใหญ่วิ่งมาจากด้านหน้าโดยมีถุงผ้าสีน้ำเงินปลิวขึ้นลงอยู่ด้านข้างขณะที่มันวิ่ง
“เจ้าส้ม?” ทันทีที่เซียวถังถังเห็นมัน นางก็โบกมืออย่างร่าเริงให้กับอีกฝ่าย “ที่แท้ไป๋ไป่ก็รอเจ้านี่เอง ข้าก็คิดอยู่ว่าทำไมตอนเช้าข้าไม่เห็นเจ้ากินอาหารอยู่ในครัว เจ้าออกไปที่ไหนมาหรือ?
“ยัยเด็กบ้านี่ เจ้าน่ะสิกินข้าวในครัว!” เมื่อเจ้าส้มวิ่งมาหามู่ไป๋ไป่ มันก็โมโหกับคำพูดของเซียวถังถังจนแทบกระอักเลือดออกมา “แมวอย่างข้าไม่มีทางไปลักกินขโมยกินอยู่ในห้องครัวหรอก!”
“หา?” เซียวถังถังกะพริบตาปริบ ๆ มองดูท่าทางหงุดหงิดของแมวอ้วน “หรือว่าเจ้าไม่ใช่แมวที่ข้าเห็นในห้องครัวเมื่อวานนี้?”
“ใช่สิ! แน่นอนว่ามันไม่ใช่ข้า เจ้าตาฝาดไปเอง” เจ้าส้มพูดเสียงหนักแน่น จากนั้นมันก็หันกลับไปโยนถุงผ้าสีน้ำเงินบนตัวของมันให้กับมู่ไป๋ไป่พร้อมกับกล่าวว่า “นี่คือสิ่งที่เจ้าต้องการ”
คนตัวเล็กรับถุงผ้ามาเปิดดู พอเธอแน่ใจแล้วว่าของข้างในคือสิ่งที่เธอต้องการ เธอก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกก่อนจะเผยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์
“ไป๋ไป่ ท่านสั่งให้เจ้าส้มไปเอาอะไรมาให้ท่านหรือ?” เซียวถังถังเดินเข้ามาถามอย่างสงสัย “เห็นท่านยิ้มแบบนี้ มันจะต้องเป็นของอร่อยแน่ ๆ”
“เราเป็นสหายกัน ทำไมท่านถึงไม่แบ่งปันของให้ข้าบ้างล่ะ?”
“นี่ไม่ใช่อาหาร!” มู่ไป๋ไป่รีบปิดถุงผ้าเพราะกลัวว่าเซียวถังถังจะบังเอิญเห็นของในถุงเข้า “นี่คือตำราต่างหาก!”
มันเป็นตำราที่ไม่เหมาะสำหรับเด็ก แต่เหมาะสำหรับคู่บ่าวสาวต่างหาก
เธอตามหามันมานานแล้ว!
แต่เนื่องจากเธอยังเป็นเด็กจึงไม่สะดวกนักที่จะไปซื้อมันมาด้วยตัวเอง เธอจึงได้สั่งให้เจ้าส้มไปทำธุระเรื่องนี้ให้ตน
โชคดีที่คนขายตำราเป็นคนใจดีมาก เขาจึงไม่รับเงิน
เมื่อเซียวถังถังได้ยินว่านั่นเป็นตำรา นางก็หมดความสนใจไปทันที “อืม… ดูท่านต้องใช้ความพยายามอย่างมากเพื่อหาตำราเล่มนี้มา ข้าคิดว่าท่านจะสั่งให้เจ้าส้มไปแอบเอาของอร่อยมาให้เสียอีก”
ขณะเดียวกัน เจ้าส้มกระโดดขึ้นไปบนไหล่ของมู่ไป๋ไป่และนั่งเลียอุ้งเท้าของตัวเอง “ฮึ ถ้ามันเป็นของอร่อยข้าก็จะเก็บเอาไว้กินเอง ไม่เสียเวลาเอามาให้คนอื่นหรอก คิดว่าข้าโง่หรืออย่างไร?”
หลังจากเซียวถังถังเห็นท่าทางไม่เป็นมิตรของเจ้าแมวอ้วน นางก็นิ่งคิดสักพักก่อนเลิกสนใจเรื่องนี้ จากนั้นนางก็หันหลังเดินจากไปแล้วไปหาที่เล่นซุกซนอีกครั้ง
มู่ไป๋ไป่เองก็รีบห่อหนังสือเอาไว้ในอ้อมแขนเพื่อป้องกันไม่ให้มันหล่นออกมา เมื่อเธอกำลังจะหันหลังกลับไป จู่ ๆ เธอก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้แล้วคว้าเจ้าส้มจากไหล่มาข้างหน้า
“นี่ เจ้าส้ม เจ้าจะเล่าให้ข้าฟังได้หรือยังว่าทำไมช่วงนี้น้ำหนักเจ้าถึงเพิ่มขึ้นตลอด?”
“เป็นความจริงใช่หรือไม่ที่เจ้าไปแอบหาของกินในครัวทุกเช้า”
“เจ้าดูอ้วนขึ้นกว่าเดิมเยอะเลยนะ”
“แมวป่าที่ท่านเจ้าหุบเขาเลี้ยงเอาไว้ยังหนักไม่ถึงครึ่งหนึ่งของเจ้าเลยด้วยซ้ำ”
“เป็นเจ้าที่บีบบังคับให้ข้าต้องทำเช่นนั้น!” เจ้าส้มเสมองไปด้านข้างด้วยความรู้สึกผิด “ก็จู่ ๆ เจ้ามาบังคับให้ข้าลดน้ำหนัก และไม่ยอมให้ข้ากินจนอิ่ม”
“ข้าแค่หิวไม่ได้หรือ?”
“เจ้ากินไม่อิ่มหรือ?” มู่ไป๋ไป่อ้าปากค้างหลังจากที่ได้รู้ความจริง “อาหารมื้อเดียวของเจ้าเกือบจะมากกว่าข้า 2 เท่าเสียอีก เจ้ายังไม่อิ่มอีกหรือ นอกจากนี้ ข้าแค่ลดของว่างของเจ้าลง เจ้าอย่าพูดเหมือนกับว่าข้ากำลังทารุณกรรมเจ้าอยู่สิ!”
เด็กหญิงเดินกลับที่พักพร้อมกับบ่นเจ้าแมวจอมตะขาบไม่หยุด ในระหว่างทางเธอก็บังเอิญพบกับหลัวเซียวเซียวที่ไปช่วยจัดงานแต่งงาน ดังนั้นเธอจึงรีบดึงอีกฝ่ายออกมาแล้วบอกว่า
“เซียวเซียว ข้าได้เตรียมของขวัญสุดพิเศษเอาไว้ให้ท่านอาจารย์กับอวี้เซิ่ง”
“เจ้าช่วยข้าแอบเอามันไปวางไว้ในเรือนหลังใหม่ของพวกเขาได้หรือไม่?”
“หา?” หลัวเซียวเซียวที่ถือลำไยและเม็ดบัวกะพริบตาปริบ ๆ ด้วยความงุนงง แล้วเอ่ยปากถามว่า “องค์หญิง เนื่องจากนี่เป็นของขวัญที่พระองค์เตรียมเอาไว้ให้แม่นางเจียงกับพี่อวี้เซิ่งโดยเฉพาะ ทำไมพระองค์ถึงไม่มอบมันให้กับพวกเขาเองล่ะเพคะ?”
“การทำเช่นนี้ พวกเขาจะได้รู้ว่านี่ก็เป็นของขวัญจากพระองค์ด้วยเช่นกัน”
“อิอิ เจ้าไม่เข้าใจ ของขวัญชิ้นนี้ไม่สามารถส่งมอบอย่างเปิดเผยได้” มู่ไป๋ไป่หัวเราะเบา ๆ แล้ววางตำราลงในมืออีกฝ่าย “จำเอาไว้ว่าต้องวางไว้ข้างเตียงในเรือนหลังใหม่เพื่อที่พวกเขาจะได้เห็นชัด ๆ”
“แล้วอีกอย่าง เจ้าไม่ได้รับอนุญาตให้เปิดอ่านตำราเล่มนี้!”
“หากเจ้าแอบเปิดอ่าน มันจะไม่เป็นผลดีกับคู่บ่าวสาว”
คนตัวเล็กพูดข่มขู่หลัวเซียวเซียวด้วยการบอกความจริงเพียงครึ่งเดียวและโกหกอีกครึ่งหนึ่ง
พอเด็กหญิงได้เห็นท่าทางจริงจังขององค์หญิงหก นางก็รับคำด้วยท่าทางจริงจังว่าตนจะไม่แอบเปิดดู แล้วจะทำตามคำสั่งให้สำเร็จอย่างแน่นอน
เนื่องจากงานมงคลสมรสถูกจัดขึ้นในหุบเขา พวกเขาจึงไม่ได้มีพิธีรีตองอะไรมากนัก
หลังจากที่สามีภรรยาคำนับกันเสร็จแล้ว พวกเขาก็พากันเข้าห้องหอท่ามกลางคำอวยพรของทุกคน
ท่านเจ้าหุบเขาผู้อาวุโสที่มีสีหน้าจริงจังอยู่เสมอยังอดไม่ได้ที่จะมองตามหลังเจียงเหยากับอวี้เซิ่งไปด้วยดวงตาแดงก่ำ
“ท่านร้องไห้ทำไม เช่นนี้ก็ไม่เป็นมงคลแล้ว” ฮูหยินเจ้าหุบเขายกมือขึ้นปาดดวงตาลวก ๆ แล้วหันกลับไปมองสามีของตน “เหยาเหยากำลังแต่งงาน นั่นเป็นเรื่องที่ดีมาก เราควรจะมีความสุขต่างหาก”
“ข้าไม่ได้ร้องไห้สักหน่อย” เจ้าหุบเขาพูดเสียงขรึม “แค่ฝุ่นมันเข้าตา เจ้าควรรีบไปดูสักหน่อย ถ้าอวี้เซิ่งคนนั้นทำไม่ดีกับเหยาเหยาของเรา เราก็จะวางยาพิษเขาให้เป็นอัมพาตไปเสีย”
“ท่านทำได้หรือ?” ฮูหยินเจ้าหุบเขาแอบปิดปากหัวเราะ “ท่านลืมหลักคำสอนของหุบเขาหมอเทวดาของเราไปแล้วหรือ หมอสามารถช่วยรักษาคนได้เท่านั้น เราจะไม่วางยาพิษให้คนตาย”
“คำพูดเหล่านั้นเอาไว้หลอกลวงคนภายนอก” ผู้เป็นสามีโต้กลับอย่างไม่เกรงกลัว “พ่อหนุ่มคนนั้นเป็นคนของเชื้อพระวงศ์ ถ้าเราไม่แสดงอำนาจให้เขายำเกรงเสียบ้าง ถ้าเกิดในอนาคตเขากล้าทำลายคำมั่นที่ให้ไว้กับเหยาเหยาล่ะ?”
--------------------------------------------------
พูดคุยท้ายตอนกับเสี่ยวเถียว: สู้เขานะอวี้เซิ่ง ดูแลลูกสาวเขาให้ดี ว่าแต่ของขวัญที่ไป๋ไป่จะมอบให้คืออะไรกันนะ
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 270
- 👍 ถูกใจ


แสดงความคิดเห็น