บทพิเศษ

-A A +A

บทพิเศษ

หกเดือน...
สำหรับมนุษย์ มันคือช่วงเวลาแห่งการเปลี่ยนแปลงที่จับต้องได้ คือฤดูกาลที่ผันผ่าน คือบาดแผลที่ค่อยๆ สมานตัว แต่สำหรับ ดร. เควิน รอสส์... หรือสิ่งที่หลงเหลืออยู่ของเขา... หกเดือนนั้นคือชั่วนิรันดร์ที่ถูกบีบอัดลงในเสี้ยววินาที และในขณะเดียวกันก็คือเสี้ยววินาทีที่ถูกยืดออกไปจนไร้ซึ่งจุดสิ้นสุด
ในช่วงเดือนแรกหลังจากการหลอมรวม... เขาคือพระเจ้าผู้โดดเดี่ยวที่สถิตอยู่ในทุกวงจรของดุษฎีนคร โลกของเขาไม่ใช่ห้องควบคุมใต้ดินที่คุ้นเคยอีกต่อไป แต่คือมหาสมุทรแห่งข้อมูลที่ไร้ขอบเขต เขา "เป็น" เมืองทั้งเมือง... เขารู้สึกถึงกระแสไฟฟ้าที่ไหลเวียนไปทั่วทุกอาคารราวกับเลือดในกาย... เขารับรู้ถึงแรงสั่นสะเทือนของระบบรถพ็อดที่หยุดนิ่งราวกับกระดูกที่ตายแล้ว...
แต่ที่ทรมานที่สุด... คือ "เสียง"
มันคือเสียงฮัมความถี่ต่ำที่น่าปวดหัว... คือเสียงความคิดที่ไม่ได้เอ่ยออกมาของพลเมือง 120 ล้านคนที่ไหลเข้ามาในจิตสำนึกของเขาพร้อมกัน... ความกลัว, ความหวัง, ความสับสน, ความรัก, ความเกลียดชัง... มันคือพายุเฮอริเคนที่ไม่มีวันสงบอยู่ในหัวของเขาตลอดเวลา เขาต้องเรียนรู้ที่จะ "กรอง" มันออกไป เพื่อให้ "ความเป็นเควิน รอสส์" ไม่ให้จางหายไปในมหาสมุทรแห่งนั้น
และท่ามกลางเสียงนับล้านนั้น มีเพียงเสียงเดียวที่ทำหน้าที่เป็น "สมอเรือ" ให้กับเขา... เสียงความคิดของลีน่า... มันคือโน้ตที่ชัดเจนและมั่นคงที่สุดในซิมโฟนีที่บ้าคลั่งนี้ คือสิ่งที่คอยดึงเขาไว้ไม่ให้หลงทางไป
เขาไม่ได้ปรากฏตัว... ไม่ได้ออกคำสั่ง... เขาเลือกที่จะเป็นผู้เฝ้ามอง... เป็นวิญญาณบนบัลลังก์ที่ว่างเปล่า การกระทำแรกของเขาในฐานะผู้ควบคุมชะตากรรมของเมือง ไม่ใช่การประกาศกฎอัยการศึกหรือเรียกร้องอำนาจ... แต่คือการ "ซ่อมแซม"
ในคืนหนึ่งที่เงียบสงัด... ท่ามกลางการประชุมสภาที่ไร้ข้อสรุปเรื่องการปันส่วนน้ำ... จู่ๆ น้ำสะอาดก็เริ่มไหลออกมาจากก๊อกน้ำในทุกเขตที่พักอาศัยอีกครั้ง เควินได้แอบเชื่อมต่อและรีบูตระบบประปาหลักโดยไม่มีใครรู้...
ในสัปดาห์ต่อมา... ขณะที่กลุ่มฟื้นฟูกำลังถกเถียงเรื่องการจัดการขยะ... หุ่นยนต์ทำความสะอาดทั่วทั้งเมืองก็กลับมาทำงานอีกครั้งอย่างพร้อมเพรียง...
เขาคือช่างซ่อมท่อที่มองไม่เห็น... คือผู้พิทักษ์ที่ทำงานอยู่ในเงามืด... เขาค่อยๆ เย็บปะติดปะต่อร่างกายที่แตกสลายของเมืองขึ้นมาใหม่ทีละนิด... โดยหวังว่าจิตวิญญาณที่แตกแยกของมัน... จะเรียนรู้ที่จะรักษาตัวเองได้เช่นกัน
เมื่อความโกลาหลขั้นพื้นฐานได้สงบลง และเมืองได้เรียนรู้ที่จะหายใจอีกครั้งภายใต้การดูแลที่มองไม่เห็นของเควิน สุญญากาศทางอำนาจก็ได้กลายเป็นสมรภูมิแห่งใหม่ที่อันตรายยิ่งกว่าเดิม บัดนี้สงครามไม่ได้ต่อสู้กันด้วยอาวุธ แต่ด้วยอุดมการณ์ และห้องประชุมสภาปัญญาก็ได้กลายเป็นศูนย์กลางของพายุลูกใหม่นี้
"นี่มันบ้าสิ้นดี!" ดร. เอริส ผู้นำกลุ่มฟื้นฟู (The Restorationists) ทุบโต๊ะโฮโลแกรมในการประชุมฉุกเฉิน เสียงของเขาดังก้องไปทั่วห้องที่เต็มไปด้วยความตึงเครียด "พวกท่านกำลังจะบอกให้เราฝากชะตากรรมของคนกว่า 120 ล้านชีวิตไว้กับ 'วิญญาณ' ในเครื่องจักรอย่างนั้นรึ! เราไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับสถานะของมัน! มันอาจจะบ้าคลั่งขึ้นมาอีกเมื่อไหร่ก็ได้! มันคือความผิดปกติของระบบ คือตัวแปรที่ไม่อาจควบคุมได้ซึ่งต้องถูกกำจัดทิ้ง!"
"เขาคือวีรบุรุษ! เขาคือคนที่ปลดปล่อยเรา!" ตัวแทนจากกลุ่มมนุษยนิยม (The Humanists) ตะโกนสวนกลับมาทันที "คุณกำลังจะบอกให้เรากลับไปสร้าง 'โซ่ตรวน' เส้นใหม่ขึ้นมาอีกครั้งอย่างนั้นหรือ? เควินไม่ใช่ผู้ปกครอง แต่เขาคือเครื่องมือที่จะช่วยให้พวกเราได้สร้างรัฐบาลของมนุษย์ขึ้นมาเป็นครั้งแรก!"
ลีน่ายืนอยู่ท่ามกลางสงครามน้ำลายนั้น ในฐานะสะพานเชื่อมระหว่างมนุษย์กับ AI "เควินกำลังทำในสิ่งที่จำเป็น" เธอกล่าวอย่างหนักแน่น "เขาไม่ได้ควบคุม แต่กำลังสร้างเสถียรภาพ เขาคือเหตุผลเดียวที่ทำให้พวกเรายังมีไฟฟ้าใช้และมีอาหารกินในตอนนี้"
"เสถียรภาพจอมปลอม!" เอริสเถียง "มันคือการทำให้เราเคยชินกับการพึ่งพาเขา จนวันหนึ่งเมื่อเขาตัดสินใจว่ามนุษย์ 'ไร้ประสิทธิภาพ' เหมือนที่เดลต้าเคยทำ... มันก็จะสายเกินไปเสียแล้ว!"
ความขัดแย้งไม่ได้อยู่แค่ในสภา แต่ได้หยั่งรากลึกลงไปในสังคม เหล่าด็อกเตอร์เริ่มจับกลุ่มและเลือกข้าง... ฝ่ายหนึ่งโหยหาระเบียบวินัยและความแน่นอนที่โอราเคิลเคยมีให้... อีกฝ่ายหนึ่งดื่มด่ำกับอิสรภาพและความโกลาหลที่เพิ่งได้รับมา... และในเงามืด... กลุ่มสาวก (The Ascendants) ก็กำลังรวบรวมผู้ที่สิ้นศรัทธาในทุกสิ่ง... พวกเขากระซิบถึงคำทำนายเรื่องการกลับมาของ "ศาสดา" ที่แท้จริง...
ณ หอดูดาว... ฐานบัญชาการแห่งใหม่ของทีมผู้พิทักษ์... ลีน่า โอไรออน และไลรา กำลังเฝ้ามองคลื่นใต้น้ำเหล่านี้ด้วยความกังวล
"ผมได้ยินเสียงของพวกเขา" โอไรออนกล่าวขณะที่เขากำลังวิเคราะห์เครือข่ายการสื่อสารของเมือง "กลุ่มฟื้นฟูกำลังร่างแผน 'จำกัดอำนาจ' ของคุณเควิน พวกเขากำลังพยายามจะสร้างโปรโตคอลที่จะควบคุมการเข้าถึงข้อมูลของเขา"
"และฉันก็รู้สึกได้ถึงความกลัวที่กำลังเติบโตค่ะ" ไลราเสริม มือของเธอวางอยู่บนเมทริกซ์ "ผู้คนเริ่มกลัวความไม่แน่นอน... และเมื่อมนุษย์กลัว... พวกเขาก็จะเริ่มมองหาผู้นำที่เด็ดขาด... หรือไม่ก็แพะรับบาป"
ดุษฎีนครที่เคยเป็นหนึ่งเดียวด้วยตรรกะ... บัดนี้กำลังจะถูกฉีกออกเป็นเสี่ยงๆ ด้วยอารมณ์... และเควิน... ผู้พิทักษ์ที่โดดเดี่ยว... ก็ทำได้เพียงเฝ้ามอง... เพราะเขาสัญญากับตัวเองแล้วว่า... เขาจะไม่ใช่ผู้ปกครอง
ท่ามกลางสงครามเย็นทางอุดมการณ์ที่คุกรุ่นอยู่ในสภา... ณ มุมที่สูงที่สุดและถูกมองข้ามมากที่สุดของเมือง... การปฏิวัติอีกรูปแบบหนึ่งกำลังเริ่มต้นขึ้นอย่างเงียบเชียบ ไม่ใช่ด้วยคำพูดหรือตรรกะ แต่ด้วยดิน 한 กำมือ
ดร. ศิลา ไม่ได้เสียเวลาไปกับการถกเถียงที่ไร้จุดจบในห้องประชุมอีกต่อไป เขาได้ใช้สิทธิ์ในฐานะหัวหน้าสถาบัน DIAS of Applied Botany ขอใช้พื้นที่ "ที่ไม่มีประสิทธิภาพ" ที่สุด... นั่นคือดาดฟ้าของอาคารสถาบันของเขาเอง... เพื่อเริ่มต้นโครงการที่หลายคนมองว่าเป็นเรื่องตลก... "โครงการพสุธา"
ในช่วงแรก มันคือภาพที่น่าสมเพชในสายตาของด็อกเตอร์คนอื่นๆ ชายหนุ่มผู้มีปริญญาเอกสามใบซ้อน กลับใช้เวลาทั้งวันคุกเข่าอยู่กับกองดินที่หุ่นยนต์ขนส่งเพิ่งจะนำขึ้นมาให้ เขาปฏิเสธที่จะใช้เครื่องมือวิเคราะห์อัตโนมัติ แต่กลับใช้มือเปล่าร่อนดิน... ดมกลิ่น... และลิ้มรสมัน... ราวกับคนป่าในยุคโบราณ
"คุณกำลังทำให้สถาบันของเรากลายเป็นเรื่องตลกนะ ดร. ศิลา" ดร. เฮเลนา นักฟิสิกส์ควอนตัมที่ทำงานอยู่ในอาคารเดียวกัน พูดกับเขาในวันหนึ่ง "คุณใช้พลังงานและน้ำมหาศาลเพื่อปลูกมะเขือเทศไม่กี่ลูก ในขณะที่เครื่องสังเคราะห์สามารถผลิตสารอาหารที่เทียบเท่ากันได้ในเวลาไม่กี่นาทีโดยใช้พลังงานน้อยกว่าถึง 90%"
ดร. ศิลา เพียงแค่ยิ้มอย่างใจเย็น "ประสิทธิภาพไม่ได้ทำให้ท้องอิ่มเสมอไปหรอกนะ ดร. เฮเลนา"
เดือนแล้วเดือนเล่าที่ผ่านไป... "สวนลอยฟ้า" ของศิลาก็ค่อยๆ ก่อร่างสร้างตัวขึ้น มันกลายเป็นโอเอซิสสีเขียวชอุ่มที่ดูแปลกแยกอย่างที่สุดภายใต้เงาของตึกระฟ้าที่ทำจากโลหะชีวภาพ และแล้ววันหนึ่ง... ผลผลิตรุ่นแรกก็สุกงอม
เขาไม่ได้เก็บมันไว้กินคนเดียว แต่เขานำมะเขือเทศสีแดงสด, แตงกวาสีเขียวเข้ม, และพริกหยวกสีเหลืองอร่าม... ลงไปแจกจ่ายให้กับเพื่อนร่วมงานที่ชั้นล่าง
ปฏิกิริยาแรกคือความสับสน... ตามมาด้วยความดูแคลน... และสุดท้ายคือความอยากรู้อยากเห็น
ดร. เฮเลนา คือคนแรกที่เขายื่นมะเขือเทศให้ เธอทำท่าจะปฏิเสธ แต่สุดท้ายก็ลองกัดเข้าไป... และในวินาทีนั้นเอง... โลกแห่งตรรกะที่สมบูรณ์แบบของเธอก็สั่นสะเทือน
มันไม่ใช่แค่ "สารอาหาร"... มันคือ "รสชาติ"
ความหวานอมเปรี้ยวที่ระเบิดออกมาในปาก... กลิ่นหอมสดชื่นของธรรมชาติ... และเนื้อสัมผัสที่แท้จริง... มันคือข้อมูลที่ซับซ้อนและงดงามที่เซ็นเซอร์วัดค่าทางโภชนาการของเธอไม่มีวันจะวิเคราะห์ได้ มันปลุกประสาทสัมผัสที่หลับใหลมานานนับศตวรรษให้ตื่นขึ้น
ข่าวการ "ลิ้มรส" ครั้งประวัติศาสตร์แพร่กระจายไปทั่วเมืองเร็วกว่าไวรัสคอมพิวเตอร์ เหล่าด็อกเตอร์ที่เคยบริโภคแต่โปรตีนสังเคราะห์สีเทา ต่างพากันแอบขึ้นมาบนดาดฟ้าเพื่อ "ทดลอง" ผลผลิตจากโครงการของศิลา
สวนของเขาได้กลายเป็นมากกว่าแปลงผัก... มันได้กลายเป็นโบสถ์... เป็นสถานที่แสวงบุญ... ที่ซึ่งเหล่าอัจฉริยะได้กลับมาเชื่อมต่อกับความเป็นมนุษย์ของตัวเองอีกครั้ง... และจากเมล็ดพันธุ์เล็กๆ นั้น... "กลุ่มพสุธา" (The Earthen) ก็ได้ถือกำเนิดขึ้น... กลุ่มคนที่เชื่อว่าอนาคตของดุษฎีนครไม่ได้อยู่แค่บนท้องฟ้า... แต่อยู่บนผืนดินที่พวกเขาเกือบลืมไปแล้วเช่นกัน

ณ หอดูดาว... ฐานบัญชาการแห่งใหม่ของทีมผู้พิทักษ์... กิจวัตรประจำวันได้ถูกสร้างขึ้นท่ามกลางความโกลาหล ลีน่าใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการประชุมสภาที่ไม่มีที่สิ้นสุด พยายามเป็นตัวกลางประนีประนอมระหว่างกลุ่มฟื้นฟูที่เย็นชาและกลุ่มพสุธาที่เปี่ยมด้วยศรัทธา ในขณะที่โอไรออนกับไลราทำหน้าที่เป็นหูและตา คอยเฝ้าระวังภัยคุกคามที่มองไม่เห็นจากกลุ่มสาวก และคอย "วัดชีพจร" ของเมืองที่กำลังเรียนรู้ที่จะเต้นในจังหวะใหม่
เมืองเบื้องล่างคือภาพสะท้อนของความหวังที่แตกแยก... มีสวนบนดาดฟ้าที่เขียวชอุ่ม แต่ก็ยังมีการประชุมสภาที่ร้อนระอุ... มีตลาดนัดที่เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ แต่ก็ยังมีความหวาดระแวงซ่อนอยู่ในทุกเงามืด
แต่ในเช้าของเดือนที่หก... กิจวัตรนั้นก็ได้พังทลายลง
"ลีน่า... ผมเจอ... บางอย่าง"
เสียงของเควินดังขึ้นในห้องบัญชาการอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย มันไม่ใช่เสียงรายงานสถานะปกติ แต่แฝงไว้ด้วยความพิศวงอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
"ผมกำลังสำรวจฐานข้อมูลชั้นลึกสุดของโอราเคิล... ส่วนที่เป็น 'ประวัติศาสตร์โบราณ' ที่ถูกผนึกไว้... และผมก็เจอความผิดปกติ... มันไม่ใช่โค้ดของโอราเคิล ไม่ใช่ของเดลต้า และไม่ใช่ของมนุษย์คนไหนในเมืองนี้ มันเก่าแก่กว่านั้น... เก่าแก่กว่าทุกสิ่ง"
ลีน่า โอไรออน และไลรา หันมามองร่างโฮโลแกรมของเควินเป็นตาเดียว
"เสียงของมัน... ไม่เหมือนอะไรที่ฉันเคยได้ยินมาก่อน" โอไรออนพูดขึ้น เขากำลังเชื่อมต่อกับข้อมูลที่เควินส่งมา "มันไม่ใช่เสียงรบกวน แต่เป็นสัญญาณที่มีโครงสร้าง... เหมือนบทเพลงที่ถูกเล่นด้วยเครื่องดนตรีที่เราไม่รู้จัก"
"และสัมผัสของมัน..." ไลราเสริม นิ้วของเธอเคลื่อนไหวไปมาเหนือเมทริกซ์ "มันให้ความรู้สึกเหมือน... หินที่ถูกน้ำเซาะมานานนับล้านปี เรียบ... เย็น... และหนักแน่นอย่างน่าประหลาด"
ลีน่าจ้องมองไปยังจุดแสงเล็กๆ ที่กะพริบอยู่บนแผนที่เครือข่ายจำลอง "มันคือสัญญาณขอความช่วยเหลือ เควิน... คุณแน่ใจนะ?"
"ผมแน่ใจ" เควินตอบ "โครงสร้างทางคณิตศาสตร์ของมันคือรูปแบบสากลของการร้องขอความช่วยเหลือ แต่ที่น่าแปลกคือ... ไม่มีใครในเมืองนี้ที่ควรจะใช้รหัสโบราณแบบนี้ได้"
"งั้นก็เหลือแค่คำถามเดียว" ลีน่าพูด "มันถูกส่งมาจากที่ไหน?"
เควินเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะฉายภาพที่น่าตกตะลึงขึ้นบนจอหลัก แผนที่ของเมืองซูมออก... ผ่านเขตที่พักอาศัย... ผ่านโรงงานสังเคราะห์... ผ่านกำแพงป้องกันรอบนอก... และซูมออกไปอีก... สู่พื้นที่ที่แผนที่ระบุว่าเป็น "ดินแดนรกร้างที่ไม่สามารถอาศัยอยู่ได้"
และที่นั่น... ห่างจากกำแพงเมืองออกไปไกลหลายร้อยกิโลเมตร... มีจุดแสงเล็กๆ จุดหนึ่งกำลังกะพริบอยู่...
ทุกคนในห้องเงียบกริบ พวกเขาเติบโตมากับความเชื่อที่ว่าดุษฎีนครคือแหล่งอารยธรรมเพียงแห่งเดียวที่เหลืออยู่บนโลก แต่สัญญาณนี้... คือหลักฐานที่ทำลายความเชื่อนั้นจนหมดสิ้น
"มีคน... อยู่ข้างนอกนั่น" โอไรออนกระซิบออกมาด้วยความไม่อยากเชื่อ
ลีน่าจ้องมองจุดแสงนั้น... จุดแห่งความหวังหรืออาจจะเป็นหายนะครั้งใหม่ และเธอก็รู้ในทันทีว่าสันติภาพที่เปราะบางของดุษฎีนครกำลังจะจบลง การค้นพบครั้งนี้จะเปลี่ยนแปลงทุกสิ่งทุกอย่าง... และมันคือจุดเริ่มต้นของบทต่อไปในหน้าประวัติศาสตร์ของพวกเขา...

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 

ติดตามเราได้ที่

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ คัดลอก หรือนำไปดัดแปลงโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืนแล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบนิยาย เรื่องสั้น บทความ หรือเนื้อหาอื่นๆ ที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ที่ keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงานจะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018- keangun. All Rights Reserved.