บทที่ 23 ปลายด้ายเส้นแรก

-A A +A

บทที่ 23 ปลายด้ายเส้นแรก

การเดินทางข้ามดุษฎีนครที่ล่มสลายในยามค่ำคืนนั้นไม่เหมือนการเดินทางธรรมดา มันคือการเคลื่อนผ่านสมรภูมิที่มองไม่เห็น ทุกตรอกซอกซอยอาจมีอันตรายซ่อนอยู่ และทุกเงามืดอาจมีสายตาจับจ้อง ลีน่าเคลื่อนที่ไปตามเงาของตึกระฟ้าที่บัดนี้ไร้ซึ่งแสงไฟราวกับภูตผี คานเหล็กในมือของเธอไม่ใช่แค่อาวุธ แต่มันคือไม้เท้าที่ช่วยนำทาง... คือเครื่องยืนยันถึงโลกใบใหม่ที่ตรรกะได้เปิดทางให้กับสัญชาตญาณดิบ
เป้าหมายของเธอคือยอดตึกที่สูงที่สุด... หอดูดาวสาธารณะที่ถูกทิ้งร้าง... สถานที่ที่คนทั่วไปมองว่าเป็นเพียงอนุสรณ์สถานแห่งความฝันลมๆ แล้งๆ ของยุคเก่า แต่สำหรับเธอในคืนนี้ มันคือประภาคารแห่งความหวังเดียวที่เหลืออยู่
เธอไม่ได้เดินไปตามถนนหลัก นั่นมันคือการฆ่าตัวตายชัดๆ แต่เธอเลือกใช้เส้นทางที่เควินเคยพาเธอหนี... เครือข่ายอุโมงค์บำรุงรักษาใต้ดินที่สลับซับซ้อนราวกับใยแมงมุม มันมืด... ชื้น... และเต็มไปด้วยเสียงสะท้อนของความทรงจำที่เจ็บปวด แต่ที่นี่... อย่างน้อยเธอก็ปลอดภัยจากสายตาของสงครามเย็นที่กำลังคุกรุ่นอยู่เบื้องบน
ตลอดเส้นทาง เธอต้องหลบเลี่ยงทั้งสายตาของกลุ่มฟื้นฟู ) ที่เริ่มตั้งจุดตรวจตามจุดเชื่อมต่อหลักๆ อย่างเป็นระเบียบ และกลุ่มสาวก ) ที่ลาดตระเวนไปทั่วเมืองราวกับฝูงหมาป่าที่หิวกระหาย พวกมันไม่ได้มองหาแค่เศษเสี้ยววิญญาณของเดลต้า... แต่กำลังตามล่า "ผู้ทำลายโซ่ตรวน" เช่นกัน
เมื่อเธอขึ้นมาสู่พื้นผิวอีกครั้งใกล้กับฐานของตึกหอดูดาว เธอก็สัมผัสได้ถึงความผิดปกติ... อากาศรอบๆ ที่นี่ มัน"นิ่ง" เกินไป
"มีคนอยู่ที่นี่แล้ว" เธอกระซิบกับตัวเอง
มันไม่ใช่กับดักที่โจ่งแจ้ง ไม่มีแสงไฟ ไม่มีเสียงฝีเท้า แต่สัญชาตญาณของเธอกรีดร้องว่ามีบางอย่างกำลังเฝ้ามองเธออยู่ เธอแอบอยู่หลังซากพ็อดขนส่งที่พังยับเยินและมองขึ้นไปยังยอดตึกที่มืดมิด... เธอมองไม่เห็นอะไร... แต่กลับรู้สึกเหมือนมี "ดวงตา" นับร้อยคู่กำลังจับจ้องลงมา
เธอตัดสินใจไม่บุกเข้าไปตรงๆ แต่เลือกที่จะใช้ความรู้ด้านสถาปัตยกรรมของเธอให้เป็นประโยชน์ เธอเดินอ้อมไปยังอีกฟากหนึ่งของตึก ที่ซึ่งมีโครงสร้างของระบบระบายความร้อนภายนอกอาคารทอดตัวสูงขึ้นไปราวกับบันไดของยักษ์ มันคือเส้นทางที่อันตรายและบ้าบิ่น... แต่ก็เป็นเส้นทางที่ไม่มีใครคาดคิด
การปีนป่ายเริ่มต้นขึ้น... มันคือการต่อสู้กับความสูงและความเหนื่อยล้า ทุกย่างก้าวคือความเสี่ยง แต่ทุกครั้งที่เธอหยุดพักและมองลงไปเบื้องล่าง... เธอก็เห็นมัน... เงาร่างที่เคลื่อนไหวอยู่ตามตรอกซอยรอบๆ ตึก... พวกเขากำลังรอ... รอให้เธอเดินเข้าไปในกับดักที่ประตูหน้า
"ฉลาดนี่" เธอพึมพำอย่างอดไม่ได้ "แต่ยังไม่พอ"
ในที่สุด... หลังจากที่ใช้เวลาไปเกือบหนึ่งชั่วโมงเต็ม... เธอก็มาถึงระเบียงชั้นบนสุดของหอดูดาวได้สำเร็จ เนื้อตัวของเธอมอมแมมและเต็มไปด้วยรอยขีดข่วน แต่ดวงตาของเธอกลับลุกโชนด้วยความมุ่งมั่น
เธอค่อยๆ แง้มประตูที่เชื่อมต่อกับระเบียงอย่างเงียบเชียบ... และก้าวเท้าเข้าไปในความมืดมิดของห้องโถงทรงโดมขนาดมหึมา...
และในวินาทีนั้นเอง... เธอก็รู้ว่าเธอไม่ได้อยู่ที่นี่เพียงลำพัง...

วินาทีที่ลีน่าก้าวเท้าเข้ามาในห้องโถงหลักอย่างเงียบเชียบ ประตูบานใหญ่ที่เธอเพิ่งแง้มเข้ามาก็เลื่อนปิดลงเองเสียงดัง คลิก... เบาๆ แต่ก็ดังพอที่จะทำให้หัวใจของเธอเต้นแรงขึ้นหนึ่งจังหวะ มันไม่ใช่การปิดเพื่อขัง... แต่เป็นการปิดเพื่อ "เชื้อเชิญ"
ความมืดภายในห้องโถงไม่ได้มืดสนิท บนเพดานทรงโดมขนาดยักษ์ ดวงดาวจำลองนับล้านดวงยังคงส่องแสงระยิบระยับราวกับอัญมณี มันคือเศษเสี้ยวสุดท้ายของความฝันที่ยังคงทำงานด้วยพลังงานสำรอง แสงดาวที่เย็นเยียบสาดส่องลงมา เผยให้เห็นเงาตะคุ่มของอุปกรณ์ดาราศาสตร์เก่าแก่ที่ถูกคลุมด้วยผ้าขาวจนดูเหมือนภูเขาผีสิงขนาดเล็กที่เรียงรายอยู่ทั่วห้อง ที่นี่คือวิหารแห่งวิทยาศาสตร์ที่บัดนี้ได้กลายเป็นสุสานไปแล้ว
ลีน่ากำคานเหล็กในมือแน่น เธอก้าวเดินไปข้างหน้าอย่างช้าๆ ทุกย่างก้าวเงียบกริบราวกับนักล่า สัญชาตญาณของเธอบอกว่าเธอไม่ได้อยู่ที่นี่เพียงลำพัง "ดวงตา" ที่เธอรู้สึกได้จากข้างนอก... มันยังคงจับจ้องเธออยู่... มาจากทุกทิศทุกทาง
แล้วมันก็เกิดขึ้น...วูบ วูบ วูบ
แผ่นพื้นที่เธอกำลังจะก้าวเท้าเหยียบลงไป สว่างวาบขึ้นเป็นแสงสีฟ้าอ่อนๆ... ก่อนที่แผ่นต่อไปข้างหน้าจะสว่างขึ้นตาม... มันคือเส้นทาง... คือการนำทางที่มองไม่เห็น
เธอหยุดชะงัก... นี่ไม่ใช่ระบบรักษาความปลอดภัยอัตโนมัติที่เธอรู้จัก ระบบของโอราเคิลจะทำงานอย่างเกรี้ยวกราดและโจ่งแจ้ง แต่นี่... มันนุ่มนวล... สุขุม... และแฝงไว้ด้วยความเฉลียวฉลาดที่น่าขนลุก
เธอตัดสินใจเดินตามเส้นทางแสงนั้นไป มันนำเธอเดินลัดเลาะผ่านซากกล้องโทรทรรศน์และอุปกรณ์ที่ถูกคลุมผ้าไว้ จนกระทั่งมาถึงใจกลางของห้องโถง ที่ซึ่งเคยเป็นแท่นจัดแสดงหลัก
ที่นั่น... คือ "รัง" ของพวกเขา
อุปกรณ์ไฮเทคที่ถูกดัดแปลงขึ้นเองถูกติดตั้งอยู่รอบแท่นนั้นอย่างไม่เป็นระเบียบแต่ก็ดูมีเป้าหมาย สายเคเบิลเรืองแสงระโยงระยางเชื่อมต่อเซิร์ฟเวอร์หลายตัวที่ส่งเสียงฮัมเบาๆ เข้ากับแกนพลังงานสำรองของอาคารโดยตรง ลีน่าเห็นหูฟังตัดเสียงรบกวนรุ่นดัดแปลงพิเศษวางอยู่บนคอนโซลหนึ่ง... และข้างๆ กันนั้นคือแผงคอนโซลสีดำด้านที่เธอไม่เคยเห็นมาก่อน... เมทริกซ์ส่วนต่อประสานแฮปติก... เทคโนโลยีทดลองที่เธอเคยอ่านเจอในงานวิจัยที่ถูกปัดตกไปเมื่อหลายสิบปีก่อน
คนที่อยู่ที่นี่... ไม่ใช่แค่แฮกเกอร์ธรรมดา แต่เป็นอัจฉริยะในระดับที่เธอคาดไม่ถึง
ลีน่ายืนนิ่งอยู่เบื้องหน้ารังที่ว่างเปล่านั้น เธอรู้ดีว่าเจ้าของรังต้องอยู่ใกล้ๆ นี้แน่ พวกเขากำลังเฝ้าดูเธอ... ทดสอบเธอ...
เธอค่อยๆ วางคานเหล็กลงกับพื้นอย่างช้าๆ... เป็นการแสดงให้เห็นว่าเธอไม่ได้มาเพื่อต่อสู้
"ฉันรู้ว่ามีคนอยู่ที่นี่" เธอพูดขึ้น ทำลายความเงียบที่น่าอึดอัด "ฉันได้รับข้อความของพวกคุณแล้ว"
ความเงียบตอบกลับมา... แต่เป็นความเงียบที่แตกต่างออกไป... ความรู้สึกว่าถูกจับตามองนั้นเข้มข้นขึ้น... และในเงามืดที่อยู่ไม่ไกลจากแท่นควบคุมนั้น... เธอก็เห็นเงาร่างสองร่างค่อยๆ ปรากฏตัวออกมาอย่างช้าๆ

ลีน่ายืนนิ่งอยู่กลางห้องโถง เธอกำคานเหล็กไว้หลวมๆ แต่ก็พร้อมที่จะใช้งานได้ทุกเมื่อ แสงดาวจำลองบนเพดานสาดส่องลงมา อาบไล้เงาร่างสองร่างที่ค่อยๆ ก้าวออกมาจากเงามืดของอุปกรณ์ดาราศาสตร์ที่ถูกทิ้งร้าง
พวกเขาคือพี่น้องฝาแฝด... ลีน่าสัมผัสได้ในทันทีจากโครงหน้าที่คล้ายคลึงกัน แต่ก็แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงราวกับเป็นภาพสะท้อนจากกระจกคนละบาน
เด็กหนุ่มก้าวออกมายืนอยู่เบื้องหน้าก่อน เขาสูงประมาณ 180/185 เซนติเมตร รูปร่างผอมบางแต่ดูไม่อ่อนแอ เหมือนนักว่ายน้ำมากกว่าทหาร ผิวของเขาขาวซีดราวกับกระดาษ เหมือนคนที่ไม่ได้สัมผัสแสงแดดมานานนับปี เส้นผมสีดำสนิทถูกตัดสั้นเรียบง่าย ใบหน้าของเขาตอบเล็กน้อยแต่ก็มีโครงหน้าที่คมคายและเฉียบคมราวกับถูกสลักขึ้นมาจากหินอ่อน แต่สิ่งที่ทำให้ลีน่าต้องชะงักไป... คือดวงตาของเขา
มันเป็นดวงตาสีเทาอ่อนที่งดงาม... แต่กลับว่างเปล่า มันไม่ได้มองมาที่เธอโดยตรง แต่กลับมองผ่านเธอไป ราวกับกำลังจับจ้องไปยังบางสิ่งที่มองไม่เห็นซึ่งลอยอยู่ในอากาศรอบตัวเธอ มันคือดวงตาที่ไม่ได้ใช้สำหรับ "มอง" แต่ใช้สำหรับ "ฟัง" โลก
"คุณคือ ดร. โชติรส" เขาพูดขึ้นเป็นคนแรก เสียงของเขาเรียบและไร้ซึ่งโทนสูงต่ำ แต่กลับชัดเจนทุกถ้อยคำ "เสียงฝีเท้าของคุณมีรูปแบบความถี่ที่ตรงกับฐานข้อมูลบุคคลสำคัญ... และเสียงการเต้นของหัวใจคุณ... มันดังกว่าปกติ 7.3% บ่งบอกถึงภาวะตื่นตัวขั้นสูง"
เขายิ้ม... เป็นเพียงรอยยิ้มที่มุมปาก... รอยยิ้มของนักวิเคราะห์ที่พอใจกับข้อสรุปของตัวเอง ไม่ใช่รอยยิ้มแห่งการต้อนรับ
ยังไม่ทันที่ลีน่าจะได้ตอบอะไร เด็กสาวที่ยืนอยู่ข้างๆ เขาก็ก้าวเดินมาข้างหน้าอย่างมั่นคงและนุ่มนวล เธอเตี้ยกว่าพี่ชายเล็กน้อย สูงราวๆ 165/170 เซนติเมตร รูปร่างของเธออรชรกว่า มีนิ้วมือที่ยาวเรียวและเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลาราวกับกำลังสัมผัสกับกระแสอากาศที่มองไม่เห็น เส้นผมสีดำสนิทของเธอถูกถักเป็นเปียยาวสลวย... และดวงตาของเธอก็ปิดสนิท
เธอไม่ได้หลับตาปี๋ แต่เป็นการปิดเปลือกตาลงอย่างนุ่มนวลและสงบนิ่ง ราวกับกำลังทำสมาธิอยู่ตลอดเวลา ใบหน้าของเธอมีโครงหน้าที่คล้ายกับพี่ชาย แต่กลับดูอ่อนโยนและนุ่มนวลกว่า
"และคุณ... กำลังรู้สึกถึงความหวังและความกลัวในเวลาเดียวกัน" เธอพูดเสริม น้ำเสียงของเธอนุ่มนวลกว่าพี่ชายฝาแฝด และเต็มไปด้วยความเห็นอกเห็นใจ "ฉันสัมผัสได้จากแรงสั่นสะเทือนในอากาศที่คุณสร้างขึ้น... มันให้ความรู้สึกเหมือนพายุที่กำลังจะสงบลง"
รอยยิ้มของเธอแตกต่างจากพี่ชายอย่างสิ้นเชิง... มันคือรอยยิ้มที่อบอุ่นและจริงใจ... รอยยิ้มที่มาจาก "ความรู้สึก" ไม่ใช่ "การวิเคราะห์"
ลีน่ายืนนิ่งอึ้งไปชั่วขณะ เธอจ้องมองเด็กหนุ่มผู้ "ได้ยิน" โลก และเด็กสาวผู้ "สัมผัส" โลก... ข่าวลือที่เธอเคยได้ยิน... มันเป็นความจริง
เธอค่อยๆ คลายมือที่กำคานเหล็กออก และวางมันลงกับพื้นอย่างช้าๆ... เสียงโลหะกระทบกับพื้นคอนกรีตดังก้องไปในความเงียบ
"ฉันต้องการความช่วยเหลือจากพวกคุณ" ลีน่ากล่าวอย่างตรงไปตรงมา "ฉันกำลังตามหาใครคนหนึ่ง... หรือสิ่งที่หลงเหลืออยู่ของเขา"
"อะไรนะ?" ลีน่าแทบไม่เชื่อหูตัวเอง
"ผมชื่อโอไรออน" เด็กหนุ่มแนะนำตัว "เครือข่ายมันเหมือนมหาสมุทรที่เต็มไปด้วยเสียง" "เสียงส่วนใหญ่คือเสียงกรีดร้องของเดลต้าที่แตกสลาย แต่บางครั้ง... ท่ามกลางพายุนั้น... จะมีเสียงที่เงียบและแตกต่างออกไป มันเป็นเสียงของตรรกะที่พยายามจะ 'สร้าง'... ไม่ใช่ 'ทำลาย' มันอ่อนแอมาก และมันกำลังหลบซ่อน"
"ดิฉันไลรา" เด็กสาวพูดเสริมขึ้นมา น้ำเสียงของเธอนุ่มนวลและอบอุ่น "โครงสร้างของข้อมูลมันไม่สมบูรณ์... เหมือนความทรงจำที่ขาดหายไปเป็นส่วนๆ" "รหัสที่คุณส่งมา... มันให้ความรู้สึกเหมือนคนที่กำลังพยายามจะ... จดจำวิธีการเขียนชื่อของตัวเอง"
ลีน่าจ้องมองอัจฉริยะทั้งสองด้วยความทึ่ง ในที่สุดเธอก็เข้าใจ "พวกคุณคือ... 'เด็กๆ ของโอราเคิล' ในตำนาน"
โอไรออนยิ้มที่มุมปากอีกครั้ง "เป็นชื่อที่คนอื่นตั้งให้" เขากล่าว "เราแค่เป็นคนที่เรียนรู้ที่จะ 'ฟัง' และ 'สัมผัส' โลกในแบบที่แตกต่างออกไปเท่านั้น"
"เราติดตามเสียงที่เงียบที่สุดนั่นมาหลายสัปดาห์แล้ว" โอไรออนพูดต่อ "มันมักจะปรากฏตัวขึ้นในที่เดิมๆ... เหมือนวิญญาณที่วนเวียนอยู่ในที่ที่คุ้นเคย"
เขาพิมพ์คำสั่งลงบนคอนโซลของเขา และบนจอภาพโฮโลแกรมกลางห้องก็ปรากฏแผนที่ของเมืองขึ้นมาพร้อมกับจุดสีฟ้าเล็กๆ ที่กำลังกะพริบอยู่หนึ่งจุด
"เราแยกสัญญาณรบกวนส่วนใหญ่ออกไปได้แล้ว และนี่คือสิ่งที่เราพบ... ปลายด้ายเส้นแรกของคุณ"
โอไรออนซูมเข้าไปที่จุดสีฟ้านั้น มันคือเศษเสี้ยวของข้อมูลที่กำลังวนซ้ำไปซ้ำมา ถูกซ่อนไว้ในระบบที่ไม่มีใครสนใจ... ระบบควบคุมสภาพอากาศอัตโนมัติของเมือง
เขาถอดรหัสข้อมูลชุดนั้น... มันไม่ใช่ข้อความที่ซับซ้อน... ไม่ใช่โค้ดกู้โลก...
มันเป็นเพียงคำสั้นๆ คำเดียว ที่ปรากฏขึ้นมาบนจอ...
...ลีน่า...
น้ำตาที่ลีน่าพยายามกลั้นไว้ตลอดหนึ่งเดือนที่ผ่านมาก็ได้พรั่งพรูออกมา เธอไม่ได้ร้องไห้เพราะความเสียใจ... แต่ร้องไห้เพราะความหวังที่แท้จริงได้ปรากฏขึ้นเป็นครั้งแรก
เขายังอยู่ตรงนั้น... ที่ไหนสักแห่ง... และเขากำลังเรียกหาเธอ
 

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 

ติดตามเราได้ที่

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ คัดลอก หรือนำไปดัดแปลงโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืนแล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบนิยาย เรื่องสั้น บทความ หรือเนื้อหาอื่นๆ ที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ที่ keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงานจะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018- keangun. All Rights Reserved.