บทที่ 94: เทพสายฟ้าปรากฏ การมาเยือนของกองทัพ
เหตุผลที่ไททันจอมมารทมิฬทำตามแผนการในครั้งนี้สำเร็จล้วนเป็นเพราะการต่อสู้ที่ดุเดือดในแนวหน้าจึงทำให้ขาดแคลนนักรบแรงก์ SSS ในป้อมปราการสงครามเพียงเท่านั้น
ดังนั้นความแตกต่างของระดับพลังระหว่างแรงก์ SSS จึงเทียบได้กับความแตกต่างระหว่างผู้มีพลังพิเศษแรงก์ A และแรงก์ SS เลยทีเดียว
ตามข้อมูลที่มีการรับรองอย่างเป็นทางการ การที่จะไปถึงแรงก์ SSS ได้นั้นจำเป็นจะต้องมีพลังปราณอย่างน้อย 500,000 แต้มหรือพลังจิต 200,000 แต้ม
ซึ่งหลินหยวนยังห่างไกลจากเป้าหมายนี้อยู่มาก!
“ในเวลาสั้น ๆ นี้คงไม่มีทางก้าวไปถึงแรงก์ SSS ได้แน่” เด็กหนุ่มพูดพลางใส่หัว
ต้องยอมรับว่าเขาใจร้อนมากเกินไป
ภายในเวลาไม่ถึงปี เขาก็ก้าวจากผู้มีพลังพิเศษแรงก์ D ไปสู่แรงก์ SS ถึงกระนั้นเขาก็ยังรู้สึกไม่พอใจอยู่ดี
แต่ถ้ามีใครรู้เรื่องนี้เข้าจะต้องมีคนวิ่งเอาหัวชนกำแพงตายแน่
ในประเทศจะมีอัจฉริยะคนไหนที่พัฒนาตัวเองเร็วได้เท่ากับหลินหยวนบ้าง
อัตราการเติบโตของหมอนี่เรียกได้ว่าเกินมนุษย์มนา!
โชคดีที่ถึงแม้ตอนนี้เขาจะยังก้าวไปเป็นผู้มีพลังพิเศษแรงก์ SSS ไม่ได้ แต่เขาก็ยังเหลือช่องว่างให้พัฒนา
พอคิดดังนี้เด็กหนุ่มก็รีบหยิบคริสตัลอัปเกรดพลังออกมา 200 ชิ้น
คริสตัลอัปเกรดพลังพวกนี้ล้วนสะสมมาจากการรับรางวัลลงชื่อเข้าใช้ในช่วงเวลาที่ผ่านมา
เนื่องจากยิ่งเขามีระดับพลังที่เพิ่มขึ้น จำนวนคริสตัลอัปเกรดพลังที่ต้องใช้ก็จะเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ และการใช้คริสตัลเพียงไม่กี่ชิ้นหรือหลาย 10 ชิ้นทีเดียวมันก็ไม่มีผลอะไรเลย ดังนั้นเขาจึงเก็บรวบรวมเอาไว้ก่อนแล้วค่อยตัดสินใจเอาออกมาใช้ในเวลานี้
“คริสตัลอัปเกรดพลัง 200 ชิ้น… แค่นี้ก็น่าจะพอสำหรับอัปเกรดพลังอย่างใดอย่างหนึ่งให้เป็นระดับ A ละมั้ง?”
เมื่อหลินหยวนมองกองภูเขาคริสตัลอัปเกรดพลังเบื้องหน้า ดวงตาของเขาก็เป็นประกายเล็กน้อย
ตอนนี้เขายังตัดสินใจไม่ได้ว่าควรอัปเกรดพลังไหนให้เป็นระดับ A ก่อนดี
แรกสุดเด็กหนุ่มตัดพลังรักษาและเทเลพอร์ตออกไปก่อนโดยไม่ลังเลเลย
สำหรับเขาแล้วพลังทั้ง 2 นี้อยู่ในระดับกำลังพอดี ถึงแม้ว่าเขาจะอัปเกรดเป็นระดับ A แล้ว แต่มันก็ไม่ได้ช่วยอะไรเขามากนัก
เพราะฉะนั้นทั้ง 2 พลังนี้จึงถูกตัดออกไปเป็นอันดับแรก
พอตัดพลัง 2 อย่างนี้ออกไป เขาก็เหลือพลังอันเดด น้ำแข็งและสายฟ้า
การอัปเกรดพลังน้ำแข็งจะช่วยพัฒนาความสามารถในการควบคุมคู่ต่อสู้
การอัปเกรดพลังสายฟ้าจะช่วยเพิ่มกำลังและพลังทำลายล้างให้มากขึ้น
การอัปเกรดพลังอันเดดจะช่วยเพิ่มความสามารถในการเรียกอันเดดออกมาต่อสู้
“ฟืดดด…” หลินหยวนสูดหายใจเข้าลึก ๆ หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ในที่สุดเขาก็ตัดสินใจได้
เขาจะอัปเกรดพลังสายฟ้า!
ในตอนที่สู้กับไททันจอมมารทมิฬ หลินหยวนอยากจะเพิ่มความแข็งแกร่งของตัวเองให้มากขึ้น
ขอเพียงแค่เขามีพลังมากพอ ถ้าเขาสามารถตัดหัวจอมมารทมิฬให้ขาดสะบั้นได้ในทันที
ในไม่ช้าดวงตาของหลินหยวนก็เปลี่ยนเป็นมุ่งมั่น
แล้วเขาก็เอื้อมมือออกไปดูดซับคริสตัลอัปเกรดพลังที่อยู่ตรงหน้า
คริสตัลแต่ละชิ้นเปล่งแสงสีน้ำเงินจาง ๆ แล้วค่อย ๆ หายเข้าไปในมือเขา
1, 2, 3, …, 199, 200!!
ภายในเวลาไม่ถึง 5 นาที หลินหยวนก็ดูดซับพลังจากคริสตัลอัปเกรดพลังเข้าสู่ร่างกายจนหมด
และพลังที่เขาอัปเกรดก็คือพลังสายฟ้านั่นเอง!
ในที่สุดเสียงแจ้งเตือนของระบบก็ดังเข้ามาในหู
“ติ๊ง! [สายฟ้า] อัปเกรดเป็นระดับ A สำเร็จ! พลังทำลายล้าง +30% พลังระเบิด +30% สกิล: ร่างเทพสายฟ้า!”
“หลังจากใช้ร่างเทพสายฟ้า ร่างกายของผู้ใช้จะเปลี่ยนเป็นสายฟ้าที่มีพลังน่าสะพรึงกลัวอย่างยิ่ง ในทุกการโจมตีจะมาพร้อมกับพลังสายฟ้าที่รุนแรง!”
“ยิ่งไปกว่านั้น ในร่างเทพสายฟ้ายังสามารถต้านทานการโจมตีทางกายภาพได้ถึง 80%”
“การใช้ร่างเทพสายฟ้าจำเป็นจะต้องใช้พลังกายและพลังจิตเป็นจำนวนมหาศาล โปรดระมัดระวังในการใช้งาน!”
หลังจากหลินหยวนดูดซับคริสตัลเพิ่มพลังครบ 200 ชิ้น เขาก็อัปเกรดพลังสายฟ้าของเขาเป็นระดับ A
ขณะเดียวกัน เขาก็ยังได้สกิลใหม่ที่เรียกว่า [ร่างเทพสายฟ้า] มาด้วย!
“ร่างเทพสายฟ้างั้นเหรอ? นี่เป็นเวอร์ชันอัปเกรดของลมหายใจสายฟ้าหรือเปล่า?” เด็กหนุ่มลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็ใช้พลังสายฟ้าจนเต็มประสิทธิภาพและเข้าสู่ร่างสายฟ้า
เปรี๊ยะ ๆๆ!
วินาทีต่อมา สายฟ้าที่รุนแรงก็พุ่งออกจากร่างของเขา ในขณะที่แล่นแปลบปลาบอยู่รอบกาย
จากนั้นร่างกายทั้งหมดของเขาก็เปลี่ยนเป็นสายฟ้าสีคราม
ปัง ๆๆๆ!
ฟ้าผ่าออกมาจากตัวของหลินหยวนไม่หยุดจนทำให้เกิดหลุมขนาดใหญ่ไหม้เกรียมหลายหลุมบนพื้นใต้เท้า
เด็กหนุ่มจึงตัดสินใจพุ่งทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าและรออยู่กลางอากาศ
ในตอนนั้นตัวเขาแปรเปลี่ยนเป็นสายฟ้า ทุกการเคลื่อนไหวของเขาจะแผ่คลื่นพลังงานที่รุนแรงออกมาเช่นเดียวกับเทพเจ้าสายฟ้าในตำนาน!
“นี่คือ… ร่างเทพสายฟ้างั้นเหรอ?” หลินหยวนไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่เขาเห็นเลยสักนิด
เขาไม่คิดมาก่อนเลยว่าผลของร่างเทพสายฟ้านั้นจะสุดยิ่งกว่าสกิลลมหายใจสายฟ้าเสียอีก
ถ้าหากสกิลลมหายใจสายฟ้าช่วยเติมพลังสายฟ้าให้กับร่างกาย ร่างเทพสายฟ้านี้ก็จะทำให้หลินหยวนแปลงร่างเป็นสายฟ้าที่ทำลายล้างทุกสิ่งทุกอย่างที่ขวางหน้าได้เลยทีเดียว
ในตอนนี้เขาคือเทพสายฟ้า!
แต่ทันใดนั้นเด็กหนุ่มก็สัมผัสได้ทันทีว่าพลังกายและพลังจิตของเขากำลังลดลงอย่างรวดเร็ว
ในเวลาเพียง 10 วินาที พลังเกือบครึ่งหนึ่งของเขาถูกกลืนหายไป
“ทำไมพลังถึงลดลงเร็วขนาดนี้?” หลินหยวนขมวดคิ้วและออกจากร่างเทพสายฟ้า ทำให้ตัวเขาที่เคยเป็นสายฟ้าเปลี่ยนกลับเป็นมนุษย์แล้วค่อย ๆ ลอยลงสู่พื้นด้วยท่าทางสง่างาม
เขาไม่คิดเลยว่าร่างเทพสายฟ้าจะผลาญพลังงานมหาศาลขนาดนี้ ปัจจุบันเขามีพลังปราณเกินกว่า 100,000 แต้มและพลังจิตเกือบ 10,000 แต้ม แต่เขาก็ยังคงสภาพร่างเทพสายฟ้าเอาไว้ได้เพียงแค่ครึ่งนาทีเท่านั้น
นั่นหมายความว่า แม้ร่างเทพสายฟ้าจะมีพลังมหาศาลมากแค่ไหน แต่เขาจะเก็บมันไว้ใช้เป็นไพ่ตายเท่านั้น
เว้นแต่ว่าเขามั่นใจว่าจะฆ่าศัตรูได้ภายในเวลาครึ่งนาทีนี้ หลังจากนั้นเขาก็จะกลายเป็นง่อยไปในทันที
แต่หลินหยวนก็พอใจกับการอัปเกรดพลังสายฟ้าในครั้งนี้มากทีเดียว
ก๊อก ๆๆ
จู่ ๆ ก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น
เสียงนั้นทำให้หลินหยวนสะดุ้งเล็กน้อย และหันไปมองทางประตูทันที
ถึงอย่างไรตัวเขาก็ยังคงพักอยู่ในโรงแรมของป้อมปราการสงคราม อาจเป็นไปได้ว่าเขาอาจจะทำอะไรเสียงดังจนไปสะดุดตาคนอื่นเข้า
จากนั้นเด็กหนุ่มก็รีบเรียกชุดเกราะเทวะกาฬมาคลุมทั่วร่างแล้วเดินไปเปิดประตู
คนที่ยืนอยู่หน้าประตูก็คือโจวอวี้หลงโดยที่ด้านข้างเขามีชายวัย 80 กว่าปีที่หัวขาวทั้งหัวยืนอยู่
แต่หลินหยวนมั่นใจว่าเขาไม่เคยเห็นชายผมขาวคนนี้มาก่อน
ในขณะที่เด็กหนุ่มจดจ่ออยู่กับชายชราตรงหน้า โจวอวี้หลงก็ชักดาบออกมาและชี้ตรงไปที่เขาพร้อมถามเสียงกดต่ำ “แกเป็นใคร!”
คราวนี้หลินหยวนก็เข้าใจได้ทันทีว่าหลังจากที่สวมชุดเกราะเทวะกาฬแล้ว อีกฝ่ายก็จำเขาไม่ได้เลยด้วยซ้ำ
เขาจึงรีบอธิบายว่า “หัวหน้าโจว ผมเองครับ”
โจวอวี้หลงที่ได้ยินเสียงที่คุ้นเคยก็มีสีหน้าอ่อนลงเล็กน้อยก่อนจะถามว่า “แล้วทำไมในห้องของนายถึงมีร่องรอยการต่อสู้แบบนี้?”
เด็กหนุ่มเข้าใจว่าอีกคนสังเกตเห็นรอยไหม้บนพื้นจึงตอบกลับไปว่า “พอดีว่าตอนฝึกผมประมาทไปหน่อยครับก็เลยเกิดอุบัติเหตุนิดหน่อย”
ในระหว่างที่อธิบายเขาก็ปล่อยสายฟ้าพุ่งออกมาจากฝ่ามือพลางยิ้มพูดว่า “เป็นเพราะก่อนหน้านี้ผมใช้พลังมากเกินไป ช่วงที่ฝึกก็เลยเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นครับ”
หลินหยวนแสดงพลังพิเศษของตัวเองออกมา ในที่สุดมันก็ทำให้โจวอวี้หลงผ่อนคลายลง
เขาเก็บดาบของตัวเองเข้าฝักแล้วเดินเข้ามาในห้องพร้อมกับพูดติดตลก “จริงเหรอ? ฉันอยากจะรู้จริง ๆ ว่าทำไมนายถึงชอบใส่หน้ากากไปไหนมาไหนทั้งวัน ฉันเกือบจะจำนายไม่ได้แล้วเนี่ย”
“ขอถามหน่อยเถอะ… นายหน้าตาน่าเกลียดน่ากลัวหรือว่ากลัวจะทำให้คนอื่นตกใจหนีเตลิดหรือไงถึงได้ใส่หน้ากากตลอดแบบนี้?”
หลินหยวนพูดแก้ตัวหน้านิ่ง “ผมก็แค่หน้าตาดีเกินไปครับ ก็เลยกลัวว่าถ้าคุณได้เห็นหน้าผมแล้วคุณจะอิจฉาเอา”
โจวอวี้หลงสวนขึ้นมาทันควัน “ไอ้เด็กนี่มันหน้าไม่อายจริง ๆ”
ฝ่ายที่ถูกด่าหัวเราะเบา ๆ “ขอบคุณสำหรับคำชมครับ”
จากนั้นโจวอวี้หลงก็หันไปสนใจชุดเกราะสีดำของหลินหยวนและทำหน้าตื่นเต้น
“ฉันว่า… นายมันขี้ก๊อปเหมือนกันนะ ชุดเกราะของฉันมันเจ๋งมากเลยล่ะสิ นายถึงได้อดใจไม่ไหวทำลอกเลียนแบบขึ้นมา”
“แต่ถึงแม้ว่าเกราะนี้จะเทพแค่ไหน แต่มันก็เทียบกับเกราะที่ฉันสร้างขึ้นมาจากพลังของฉันไม่ได้หรอก”
ในขณะนี้ชายที่สวมชุดเกราะสีดำเป็นเอกลักษณ์แสดงสีหน้าพึงพอใจ
“...” คำพูดของเขาทำให้เด็กหนุ่มถึงกับพูดไม่ออก
เขากล้าดียังไงมาว่าฉันหน้าไม่อาย ตัวเองก็ไม่ต่างกันเหอะ!
เมื่อฟังจากน้ำเสียงของโจวอวี้หลง ดูเหมือนว่าวันนี้เขาจะอารมณ์ดีมากทีเดียว
จากนั้นหลินหยวนก็ถามออกมาว่า “ทำไมจู่ ๆ หัวหน้าโจวถึงมาหาผมถึงที่นี่ล่ะครับ?”
คนถูกถามยิ้มแล้วถามกลับว่า “ทำไม? ฉันมาเยี่ยมนายที่เป็นถึงฮีโร่ผู้กอบกู้ป้อมปราการสงครามแห่งนี้ไม่ได้หรือไง?”
“นายนี่หยิ่งชะมัดเลย กองทัพมาขอพบนายตั้งหลายครั้ง แต่นายก็ปฏิเสธตลอด”
หลินหยวนยิ้มมุมปากแล้วพูดว่า “ผมมีส่วนช่วยแค่เล็ก ๆ น้อย ๆ เท่านั้นครับ ไม่มีอะไรให้พูดถึงหรอก คุณเองก็ไม่จำเป็นจะต้องให้เกียรติมาหาผมถึงที่หรอก”
ถ้าไม่จำเป็นเขาไม่อยากติดต่อกับกองทัพเลยสักนิด
หลังจากเด็กหนุ่มพูดจบ แววตาแห่งความชื่นชมก็ฉายชัดในดวงตาของชายชราที่ยืนอยู่ข้างหลังโจวอวี้หลง
จากนั้นหลินหยวนก็ถามขึ้นมาอีกครั้งว่า “ว่าแต่ คุณลุงที่อยู่ข้างหลังคุณเป็นใครเหรอครับ?”
ชายชุดเกราะดำยิ้มพร้อมตอบว่า “เขามาจากกองทัพน่ะ”
*******************************************
SkySaffron: หลินหยวนได้พลังใหม่อีกแล้ว! ว่าแต่คุณลุงเป็นใครกันนะ
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 92
- 👍 ถูกใจ


แสดงความคิดเห็น