บทที่ 14: ไอ้ขยะ คนขี้ขลาด คนทรยศ!
เนื่องจากความโกรธที่ปะทุมากยิ่งขึ้น ผู้บัญชาการเฉินจึงปลดปล่อยแรงกดดันออกไปมากขึ้นกว่าเดิม โดยที่เขาเพ่งเล็งไปที่หลินหยวนเท่านั้น
นั่นทำให้เด็กหนุ่มส่งเสียงในลำคอและเกือบจะทรุดตัวลงกับพื้น
แต่เขาก็รีบทรงตัวแล้วฝืนเดินออกไปอย่างยากลำบาก
เมื่อเฉินหู่มองดูภาพตรงหน้า แม้แต่ตัวเขาเองก็อดไม่ได้ที่จะเบิกตากว้างด้วยความตกใจ
เขาไม่คาดคิดเลยว่าหลินหยวนจะยังสามารถก้าวเดินต่อไปได้แม้จะรับแรงกดดันจากเขา
เด็กหนุ่มที่อายุเพียงเท่านี้ยังมีพละกำลังได้มากถึงขนาดนี้ นับได้ว่าเขาเป็นอัจฉริยะอย่างแท้จริง
น่าเสียดายที่อัจฉริยะซึ่งมีฝีมือน่าทึ่งเช่นนี้จะกลายเป็นเพียงทหารหนีทัพให้ผู้คนเยาะเย้ย
สิ่งที่เฉินหู่ไม่รู้ก็คือ ภายใต้ร่างจอมมารทำให้หลินหยวนมีพลังปราณเพิ่มขึ้นมากกว่า 10,000 แต้ม แรงกดดันนี้ส่งผลให้เขาถูกกระตุ้นจนถึงขีดจำกัด
แม้ว่าผู้บัญชาการกองทัพพยัคฆ์จะปลดปล่อยแรงกดดันทั้งหมดออกไปแล้ว แต่เขาก็ไม่สามารถหยุดยั้งฝีเท้าของเด็กหนุ่มได้เลย
ในตอนนั้นเอง ร่างร่างหนึ่งที่ถือไม้เท้าก็เดินออกมาจากอีกฝั่งหนึ่งของถนนช้า ๆ
หลังจากที่ชายคนนี้ปรากฏตัวขึ้น ทุกคนก็ให้ความสนใจไปที่เขาโดยไม่รู้ตัว
“เฉินหู่ ไม่ได้เจอนายมาตั้งหลายปี นายเก่งขึ้นมากเลยนะ”
ชายคนนั้นยิ้มพร้อมกับพูดว่า “ถ้าฉันไม่มาขวางนายเอาไว้ นายจะทำร้ายลูกชายของฉันหรือเปล่า?”
ทันทีที่เฉินหู่ได้ยินเสียงที่คุ้นเคย เขาก็ตกตะลึง
เขาค่อย ๆ หันหน้าไปมองทางต้นเสียง พอเห็นหน้าตาของอีกฝ่ายเต็มตา เขาก็คุกเข่าลงข้างหนึ่งเพื่อทำความเคารพคนคนนั้น “เฉินหู่ ผู้บัญชาการกองทัพพยัคฆ์คารวะแม่ทัพมังกร!”
หลังจากที่เห็นเฉินหู่ผู้บัญชาการสูงสุดคุกเข่าลงต่อหน้าผู้ชายคนนั้น นักเรียนและคุณครูทุกคนก็พากันคุกเข่าลงข้างหนึ่งเช่นกัน
“ครูและนักเรียนโรงเรียนมัธยมศึกษาหนานเจียงหมายเลข 1 คารวะแม่ทัพมังกร!!”
พวกเขาใช้วิธีนี้เพื่อแสดงความเคารพอย่างสูงสุดต่อวีรบุรุษของประเทศชาติที่อยู่ตรงหน้า
ชายที่มาปรากฏตัวต่อหน้าพวกเขาก็คือพ่อของหลินหยวน หลินเทียนเชวี่ย!
ขณะเดียวกัน อดีตแม่ทัพมังกรเดินเข้ามาหาเฉินหู่พร้อมกับไม้เท้าช่วยพยุงขาที่กะเผลกของตนเอง
เขาเอื้อมมือไปตบไหล่อีกฝ่ายพลางพูดเสียงกลั้วหัวเราะว่า “ไม่เลว ทหารผู้น้อยที่เคยวิ่งตามหลังฉันตอนนี้ได้กลายเป็นผบ.ที่เก่งกาจไปซะแล้ว”
หลังจากได้ยินแบบนี้เฉินหู่ซึ่งเป็นคนที่หนักแน่นเข้มแข็งก็รู้สึกแสบร้อนที่จมูกขึ้นมาโดยไม่มีเหตุผล “ท่านนายพลหลิน…”
ก่อนที่เขาจะทันได้พูดอะไรต่อ หลินเทียนเชวี่ยก็โบกมือเบา ๆ “นายพงนายพลอะไรกัน ตอนนี้ฉันเป็นแค่ตาแก่คนหนึ่งที่กำลังใช้ชีวิตวัยเกษียณในเมืองเล็ก ๆ นี้”
“ไม่ใช่ครับ…”
พอเฉินหู่กำลังจะปฏิเสธ หลินเทียนเชวี่ยก็พูดขัดขึ้นอีกครั้งว่า
“ฉันรู้ว่าหลินหยวนทำให้นายต้องผิดหวังไม่น้อย พูดตามตรง ฉันในฐานะพ่อไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่ แต่ฉันก็ยังคงหวังว่านายจะให้อภัยเขาได้ แม้ว่าเขาอยากจะหลบอยู่ในแนวหลังอย่างสบายใจ ฉันก็หวังว่านายจะให้อภัยเขา”
“นี่เป็นคำร้องขอสุดท้ายของฉันในฐานะพ่อคนหนึ่ง” หลังจากพูดจบ ชายวัยกลางคนก็โค้งคำนับให้กับทุกคนด้วยความยากลำบาก เขาใช้ขาข้างเดียวที่เหลืออยู่พยุงร่างของตัวเองก้มหัวขอโทษทุกคนที่อยู่ตรงหน้าเขา!
ในชั่วขณะนั้น ดวงตาของทุกคนเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำพร้อมกับความรู้สึกที่ไม่อาจอธิบายได้ที่เกิดขึ้นในใจ
เป็นความจริงที่หลินหยวนเป็นทหารหนีทัพ แต่พ่อของเขาซึ่งเป็นอดีตแม่ทัพมังกรก็ยังใช้กระดูกสันหลังที่งองุ้มของตนเองเพื่อพยุงลูกชายเอาไว้!
ในตอนที่ทุกคนมีสติกลับมา หลินหยวนก็หายไปจากสายตาของพวกเขาแล้ว
…
วิดีโอเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดในวันนี้ถูกอัปโหลดลงในโซเชียลมีเดียอย่างรวดเร็ว
ในเวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมง ทั่วทั้งประเทศก็เกิดความโกลาหล
“ฉันถึงกับน้ำตาไหลเลย หลินเทียนเชวี่ยสมกับเป็นลูกผู้ชายตัวจริง!”
“นี่แหละคือกระดูกสันหลังของประเทศ!”
“ขอให้ทุกคนจดจำเอาไว้ว่าเขาสูญเสียขาของตัวเองไปก็เพื่อประเทศชาติ!”
“เหอะ ถึงยังไงก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงความจริงที่ว่าลูกชายของเขาหนีทัพได้หรอก!”
“ฉันไม่เคยคิดเลยว่าฮีโร่อย่างนายพลหลินจะมีลูกชายแบบนี้ นี่มันปรสิตที่คอยเกาะรับเครดิตคุณงามความดีของพ่อตัวเองชัด ๆ”
“ไอ้สวะ ไอ้คนขี้ขลาด แกทำให้ประเทศชาติต้องอับอาย!”
“โอ๊ย ถ้าถามฉัน เราควรเคารพการตัดสินใจของนายพลหลินที่เลือกจะให้อภัยเขาดีกว่าไหม เพราะถ้าหากเขาเลือกจะเห็นแก่ตัวอยู่กินอย่างสุขสบายมันก็ไม่ใช่เรื่องผิด แต่เขาผิดที่เกิดมาในยุคนี้ต่างหาก”
“ความเห็นแก่ตัวไม่ใช่เรื่องผิดงั้นเหรอ? แม้แต่ผู้ชายในครอบครัวของฉันที่อายุ 67 ปีก็ยังปกปิดอายุของตัวเองเพื่อสมัครเข้าร่วมกองทัพในแนวหน้าด้วยซ้ำ ยังมีหน้ามาบอกว่าเขาไม่ผิดอีกเรอะ?”
“ถ้าคนแบบนี้ยังอยู่ในประเทศ มีแต่จะหนักแผ่นดินเปล่า ๆ เราไม่ควรปล่อยให้มันได้มีที่อยู่ในสังคมอีกตลอดชีวิต!!”
“หลินหยวนออกไป!! ขับไล่มันออกไปจากประเทศ!!”
ความคิดเห็นนับพันข้อความอย่างน้อยครึ่งหนึ่งเป็นการดูถูกหลินหยวน ไม่ว่าจะเป็นคำว่าขี้ขลาด, ไร้ยางอาย, เห็นแก่ตัว และคนทรยศ! คำพูดหยาบคายที่ไม่น่าพึงประสงค์แสดงขึ้นในกล่องความคิดเห็นสาธารณะเหมือนยิงปืนกล แม้แต่หลินเทียนเชวี่ยก็ยังได้รับคำวิพากษ์วิจารณ์มากมาย
หลินหยวนไล่สายตามองดูความเห็นพวกนั้นอย่างเหม่อลอย
น่าอับอายงั้นเหรอ? มันก็น่าอับอายจริง ๆ นั่นแหละ…
แต่เขาก็ยังแบกรับความอับอายนี้อยู่เงียบ ๆ
หากเขาไม่ตายไปแบบเงียบ ๆ เขาก็จะปิดทองหลังพระ
เด็กหนุ่มไม่รู้ว่าเรื่องนี้จะต้องใช้เวลานานแค่ไหน
สิ่งเดียวที่เขารู้ก็คือ ไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร เขาก็จะไม่มีวันเสียใจ
เส้นทางที่เขาเลือกเป็นเส้นทางที่โดดเดี่ยวที่สุด โชคดีที่เขายังหลงเหลือความหวังอยู่ในใจ
“เฮ้อ…” หลินหยวนพ่นลมหายใจที่ขุ่นมัวออกมา ก่อนที่สายตาจะมองตรงไปข้างหน้าอย่างแน่วแน่อีกครั้ง
สำหรับเขา ทุกอย่างเพิ่งจะเริ่มต้นขึ้นเท่านั้น ความคิดเห็นเหล่านี้ไม่สามารถทำให้เขาสั่นคลอนได้เลยสักนิด!
หัวใจของเขาเข้มแข็งดั่งหินผา พร้อมที่จะมุ่งหน้าไปปกป้องโลก!
…
หลังจากหลินหยวนเดินไปถึงมุมหนึ่งที่ไม่มีคน เขาก็หยิบหน้ากากสีเงินขึ้นมาสวม จากนั้นเขาก็เข้าไปที่สมาคมนักล่าเพียงลำพัง
ตัวเขานั้นอาจจะทนรับคำดูถูกเหยียดหยามของคนอื่นได้ แต่เขาไม่อาจทนความอ่อนแอของตนเองได้จริง ๆ
เพื่อขับไล่ไททันทั้งหมดออกไปจากโลกนี้ เขาจะต้องแข็งแกร่งให้ได้เท่าเทียมกับพวกมัน!
เมื่อเด็กหนุ่มก้าวเข้าสู่สมาคมนักล่า นักล่าทุกคนที่นั่งอยู่ในชั้น แรกก็ปิดปากเงียบโดยไม่รู้ตัว
ซึ่งแน่นอนว่าพวกเขาจำผู้ชายคนนี้ได้ทันที ชายลึกลับที่สวมหน้ากากสีเงิน นอกจากเขาจะกำจัดไททัน 1,000 ตัวแล้ว เขายังฆ่าไททันปราการเหล็กด้วยตัวคนเดียวอีก
ถึงแม้ว่าในสายตาของทุกคนในโลกภายนอกหลินหยวนจะเป็นคนทรยศน่ารังเกียจ และเป็นไอ้ขี้ขลาดหน้าไม่อาย แต่ที่นี่ เขาคือมือสังหารไททันที่ทุกคนต่างก็เกรงกลัว
“ไอ้หน้าใหม่นั่นมาอีกแล้ว ฉันไม่รู้ว่ามันมาที่นี่เพราะจะมารับภารกิจอีกหรือเปล่า”
“ว่าแต่ช่วงก่อนมันหายไปไหนมา ถ้าฉันจำไม่ผิด มันไม่โผล่มาที่นี่เกิน 1 เดือนแล้ว”
“ใครจะไปรู้ นายคิดว่า… มันมาที่นี่เพื่อรับภารกิจระดับ A ไหม?”
“ไร้สาระน่า เป้าหมายของภารกิจระดับ A อย่างน้อยต้องเป็นไททันระดับ 5 แกคิดว่าไอ้หมอนี่จะทำสำเร็จหรือไง?”
“ชู่ววว เงียบ! หยุดพูดก่อน มันกำลังเดินมาทางนี้แล้ว”
หลินหยวนเดินผ่านพวกเขาไปโดยไม่ชายตามอง แล้วมุ่งหน้าไปยังจุดรับภารกิจที่บนชั้น 2
โชคดีสำหรับนักล่าพวกนี้ ดูเหมือนว่าเด็กหนุ่มไม่มีอารมณ์มาต่อล้อต่อเถียงกับพวกเขา
“สวัสดีค่ะ พบกันอีกแล้ว วันนี้คุณมีอะไรให้ฉันช่วยคะ?”
พนักงานสาวที่อยู่จุดรับภารกิจทักทายนักล่าหนุ่มอย่างสุภาพ
“ผมมารับภารกิจครับ” หลินหยวนตอบสั้น ๆ และตรงประเด็น บ่งบอกว่าเขาไม่ต้องการเสียเวลา
“นี่เป็นรายการภารกิจทั้งหมด เชิญคุณเลือกได้เลยค่ะ” หญิงสาวรีบจัดการเปิดภารกิจและยื่นไปตรงหน้าอีกฝ่ายทันที
เด็กหนุ่มยื่นมือออกไปแตะหน้าจอด้วยปลายนิ้วและเลื่อนดูอย่างรวดเร็ว
ภารกิจนี้ง่ายเกินไป ไม่เอา
ภารกิจนี้มีแต่จะทำให้เสียเวลา ได้ไม่คุ้มเสีย
ภารกิจนี้ซับซ้อนเกินไป ไม่เอา
…
เงื่อนไขในการเลือกภารกิจของหลินหยวนนั้นเข้มงวดมาก
อีกอย่าง ภารกิจทั้งหมดที่เขาตัดทิ้งไปนั้นไม่ได้ช่วยให้เขาพัฒนาความแข็งแกร่งของตนเองมากนัก
เขาไม่ทำภารกิจที่ไร้ค่าพวกนี้จะดีกว่า
สุดท้ายแล้วสายตาของหลินหยวนก็มาหยุดอยู่ที่ภารกิจระดับ A
—
ภารกิจระดับ A: กำจัดเศษเดนลัทธิบูชาไททัน
ข้อกำหนด: สังหารคนของลัทธิบูชาไททันที่ซ่อนตัวอยู่นอกเมือง
รางวัล: 7 ล้านหยวน, คะแนนคุณงามความดี 5,000 แต้ม และอาวุธโลหะผสมระดับ S x1
—
“เศษเดนลัทธิบูชาไททัน?”
ดวงตาของหลินหยวนเปลี่ยนเป็นเย็นชา ในขณะที่เขาพึมพำเบา ๆ
เขาพอจะรู้ข้อมูลเกี่ยวกับลัทธิบูชาไททันอยู่ในระดับหนึ่ง พูดง่าย ๆ ก็คือความงมงาย!
ในยามที่มนุษย์เผชิญหน้ากับสิ่งที่พวกเขาไม่สามารถทำความเข้าใจหรือเอาชนะได้ พวกเขามักจะบูชาพวกมันราวกับเป็นเทพเจ้า ซึ่งลัทธินี้ก็ได้ถือกำเนิดขึ้น
ช่วงเวลา 100 ปีแห่งความมืดมิดและสิ้นหวัง มนุษย์จำนวนมากได้เกิดความคิดที่บิดเบี้ยวโดยการนับถือบูชาไททัน
ในสายตาของพวกเขา ไททันก็เป็นเหมือนเทพเจ้า
เมื่อเปรียบเทียบกับมนุษย์แล้ว ไททันคู่ควรที่จะเป็นผู้ปกครองโลกใบนี้มากกว่า
ตามหลักคำสอนของลัทธิ เหตุผลที่เผ่าไททันบุกมายังโลกมนุษย์เป็นเพราะมนุษย์ได้ก่อกรรมทำเข็ญเอาไว้จนไม่อาจให้อภัย ดังนั้นพวกเขาจึงจะต้องชำระล้างบาป!
*******************************************
SkySaffron: พ่อต้องรักลูกมากขนาดไหนถึงได้ออกมาปกป้องลูกจากคนทั้งประเทศด้วยตัวเอง T T


แสดงความคิดเห็น