ตอนที่ 7
ตอนที่ 7
ช่วงเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว และเมื่อถึงพักเที่ยง นุชศราก็ชวนปลายฝนไปรับประทานอาหารที่โรงอาหารของบริษัท
สองสาวเลือกโต๊ะนั่งในมุมสงบ บรรยากาศสบาย ๆ รอบตัวช่วยให้ผ่อนคลายได้มากขึ้น บทสนทนาเริ่มต้นด้วยเรื่องงาน ก่อนจะสลับไปเป็นคำถามเกี่ยวกับชีวิตประจำวัน ทำให้ปลายฝนรู้สึกว่า เธอไม่ได้เป็นคนนอกของที่นี่อีกต่อไป
พลันนั้น ความสงสัยเล็ก ๆ ก็ผุดขึ้นในใจของเธอจนอดถามออกมาไม่ได้
“เอ่อ...แล้วคุณแทนตะวันไม่ลงมาทานข้าวบ้างเหรอคะ?”
นุชศรายิ้มบาง ๆ ก่อนตอบ “ปกติคุณแทนมักทำงานเพลินจนลืมทานข้าวจ้ะ บางทีพี่ต้องห่ออาหารขึ้นไปให้เอง”
ปลายฝนขมวดคิ้วเล็กน้อย นึกถึงใบหน้าคมเข้มของชายหนุ่มที่ดูเคร่งเครียดอยู่หลังโต๊ะทำงาน
“เอ๊ะ? ทำงานขนาดนั้นเลยเหรอคะ?”
นุชศราหัวเราะเบา ๆ “ค่ะ งานเยอะมากจริง ๆ บางทีพี่เห็นก็อดสงสารไม่ได้”
ปลายฝนคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยเสียงอ่อนโยน “งั้นให้ฝนเอาไปให้ดีไหมคะ?”
คำพูดของเธอสะท้อนความตั้งใจที่จะตอบแทนน้ำใจของเขา แม้จะเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อย แต่ก็สำคัญในสายตาเธอ
นุชศรายิ้มกว้างขึ้น ยินดีกับความเอาใจใส่ที่หญิงสาวมีให้ “ดีเลย ฝากด้วยนะ พี่ว่าเขาน่าจะดีใจที่มีคนห่วงใย”
ปลายฝนพยักหน้า ยิ้มรับ “ได้เลยค่ะพี่นุช แล้วก็...ขอบคุณที่ดูแลฝนนะคะ”
หัวหน้าแผนกสาวยิ้มกลับอย่างอ่อนโยน “พี่อยากให้น้องฝนรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวเรา ถ้ามีอะไรไม่สบายใจ หรืออยากปรึกษา พี่อยู่ตรงนี้เสมอนะ”
คำพูดที่แสนเรียบง่ายกลับทำให้หัวใจของปลายฝนอุ่นวาบ
เธอยิ้มตอบ แม้จะเป็นวันแรกของการทำงาน แต่บรรยากาศอบอุ่นและคำพูดที่เต็มไปด้วยกำลังใจทำให้เธอรู้ว่า เธอมีพลังพอที่จะก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นคง
พนักงานบัญชีสาวคนใหม่ถือกล่องอาหารตรงมาที่ห้องทำงานของนักธุรกิจหนุ่ม หัวใจเต้นแรงเมื่อคิดถึงการพบกันอีกครั้ง
ปลายนิ้วเรียวเคาะประตูห้องเบา ๆ
“เชิญ”
เสียงทุ้มนิ่งดังขึ้นจากด้านใน
ปลายฝนเปิดประตูเข้าไป ภายในห้องยังคงเงียบสงบ แสงแดดยามบ่ายลอดผ่านกระจกบานใหญ่ ทาบลงบนโต๊ะไม้โอ๊คที่เต็มไปด้วยเอกสาร
แทนตะวันนั่งจดจ่อกับงานตรงหน้า เสียงเคาะประตูเมื่อครู่ดูเหมือนจะยังไม่ดึงเขาออกจากสมาธิ
“คุณแทนตะวันคะ”
เสียงหวานของปลายฝนดังขึ้นเบา ๆ
ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้น ดวงตาคมเหลือบมองไปที่กล่องอาหารในมือหญิงสาว
“อ้าว ปลายฝน มีอะไรเหรอ?” เสียงเรียบนั้นไม่ได้แสดงความแปลกใจนัก แต่สายตากลับนิ่งลึก
“พี่นุชฝากเอากับข้าวมาให้ค่ะ คุณต้องทานบ้างนะคะ จะได้มีแรงทำงาน”
เธอเดินไปวางอาหารลงบนโต๊ะเล็กข้างโต๊ะทำงาน แทนตะวันถอนหายใจเบา ๆ ก่อนเอนตัวพิงพนักเก้าอี้
“ขอบใจนะ” เขาเอ่ยสั้น ๆ น้ำเสียงฟังดูเรียบนิ่ง แต่สายตาที่มองกลับมีความอ่อนโยนแฝงอยู่
ปลายฝนยิ้มบาง ๆ “จริงสิคะ ทานเยอะ ๆ นะคะ คุณจะได้มีแรงทำงาน”
แทนตะวันหยิบกล่องอาหารขึ้นมา เปิดดูครู่หนึ่ง ก่อนตักอาหารกินช้า ๆ โดยไม่รีบร้อน
หญิงสาวแอบมองเงียบ ๆ เห็นเงาความเหนื่อยล้าในดวงตาคม แต่ยังมีประกายของความมุ่งมั่นไม่เคยจาง
“ถ้าไม่ใช่เธอกับพี่นุช ฉันคงลืมกินอีกตามเคย” เขาเอ่ยพร้อมเหลือบสายตามาทางเธอเพียงแวบเดียว แต่แววอบอุ่นในนั้นกลับทำให้หัวใจของปลายฝนเต้นแรง
“ก็ดูคุณทำงานหนักมากนี่คะ ต้องดูแลตัวเองบ้างนะ”
แทนตะวันเลิกคิ้วน้อย ๆ ริมฝีปากคลี่ยิ้มบาง แววตาเจือความขบขัน “ฉันจะลองทำตามก็แล้วกัน”
น้ำเสียงและประกายอ่อนโยนในดวงตาทำให้ปลายฝนรีบลุกขึ้น กดมือแนบข้างลำตัว “เอ่อ...ฉันขอตัวไปทำงานก่อนนะคะ”
แทนตะวันพยักหน้า “ตามสบาย”
เธอรีบหมุนตัวออกจากห้อง โดยไม่ทันสังเกตว่าเขายังคงมองตาม
หากปลายฝนหันกลับมา...
เธอคงได้เห็นรอยยิ้มเล็ก ๆ บนใบหน้าของชายหนุ่มที่แทบไม่เคยปรากฏมาก่อน
รสชาติอาหารมื้อนี้...ทำไมถึงอร่อยกว่าทุกวัน ทั้งที่มันก็คืออาหารเดิม ๆ ที่เขาเคยกินมา
แทนตะวันเหลือบมองนาฬิกาข้อมือ เขาทำงานจนค่ำเป็นกิจวัตร และวันนี้ก็ไม่ต่างจากวันอื่น
มือหนาจัดเก็บเอกสารลงลิ้นชักเรียบร้อย แต่จู่ ๆ ความรู้สึกบางอย่างก็แวบขึ้นในใจ เขาลืมบอกปลายฝนว่าจะไปส่งเธอ
หัวใจของเขาเริ่มกระวนกระวาย—หวั่นใจว่าเธอจะยังไม่ได้กลับที่พัก และอาจอยู่ในที่ที่เขากังวลที่สุด
ร่างสูงลุกขึ้นทันที ขายาวก้าวออกจากห้องไปอย่างรวดเร็ว
สายตาคมเหลือบเห็นนุชศราที่กำลังเก็บของเตรียมกลับ เขาชะลอฝีเท้าลงเล็กน้อย ก่อนเอ่ยเสียงเรียบ
“พนักงานใหม่เป็นยังไงบ้างครับ พี่นุช?”
น้ำเสียงนิ่งแต่แฝงความรีบร้อนที่เขาเองก็ไม่ได้ตั้งใจซ่อน
หัวหน้าฝ่ายบัญชียิ้มน้อย ๆ ก่อนตอบ “เยี่ยมเลยค่ะ คุณแทน น้องเรียนรู้งานได้เร็วมาก”
“แล้วตอนนี้เธอไปไหนแล้ว?”
นุชศรานิ่งคิดครู่หนึ่ง ก่อนตอบด้วยน้ำเสียงสุภาพ “เห็นว่ารีบกลับค่ะ บอกว่าคุณแม่โทรตาม แต่สีหน้าน้องปลายฝนดูไม่ค่อยดีเลย ไม่รู้เหมือนกันว่า…”
คำตอบนั้นทำให้รอยยิ้มที่เคยปรากฏบนใบหน้าของแทนตะวันเลือนหายไปในทันที
ดวงตาคมเปลี่ยนเป็นเย็นเยือกอย่างชัดเจน เพราะมีเพียงที่เดียวเท่านั้น...ที่ “แม่ของเธอ” จะบังคับให้ไป
เขาสบถเบา ๆ ก่อนหมุนตัวเดินลิ่วออกจากบริษัทโดยไม่พูดอะไรอีก
“คุณแทนคะ?”
เสียงของนุชศราดังตามหลังเมื่อร่างสูงเดินผ่านไปอย่างรวดเร็ว แต่เขาไม่แม้แต่จะหันกลับมา
เสียงเปิดประตูรถดังขึ้นทันที ตามด้วยเครื่องยนต์ที่สตาร์ทติด มือหนากดโทรศัพท์ด้วยความรวดเร็ว
ปลายสายรับแทบจะในทันที น้ำเสียงร่าเริงดังขึ้นตามเคย “ว่าไงเพื่อน ฝนตกขึ้นฟ้าแน่นอน วันนี้แกนึกยังไงถึงโทรมาก่อนวะ?”
แต่แทนตะวันไม่มีอารมณ์เล่น เขาพูดเสียงต่ำหนักแน่น “กิต แกช่วยตามฉันไปที่ร้านอ้อยจันทร์หน่อย”
กิตติชัยชะงักไปเล็กน้อย ก่อนตอบกลับด้วยน้ำเสียงสบาย ๆ “ไปทำไมวะ? หรือแกอยากผ่อนคลาย?”
“ไม่ใช่เว้ย! เออน่า เดี๋ยวเล่าให้ฟัง”
เขากดตัดสายทันที มิวายเสียงปลายสายจะร้องสวนมาอย่างงุนงง “เฮ้ย...อะ...อะไรของมันวะ?”
นักธุรกิจหนุ่มเหยียบคันเร่งเต็มแรง รถพุ่งทะยานออกไป ไฟท้ายสีแดงวาบท่ามกลางถนนยามค่ำคืน
ใบหน้าคมเคร่งเครียด คิ้วขมวดแน่น ดวงตาที่มองตรงไปยังเส้นทางข้างหน้าเต็มไปด้วยความกังวล
ในใจมีเพียงความคิดเดียว—
'อย่าให้ฉันไปถึงที่นั่นช้าเกินไป...'


แสดงความคิดเห็น