บทที่ 364 อัญมณีระดับ 3
บทที่ 364 อัญมณีระดับ 3
ลู่หยางถอนหายใจก่อนที่เขาจะลุกยืนขึ้นโค้งให้ทุกคนอย่างซาบซึ้ง
“อันดับแรกฉันต้องขอขอบคุณทุก ๆ คนมาก”
“หัวหน้าทำแบบนั้นทำไมกันครับ?” ฉิงชางรีบพูดขึ้นมาอย่างกะทันหัน
“ใช่ครับหัวหน้า คุณไม่จำเป็นจะต้องทำถึงขนาดนี้หรอก”
ลู่หยางส่ายหัวไปมาก่อนจะพูดอย่างรู้สึกผิดว่า
“ฉันต้องขอโทษทุกคนด้วย แต่มันมีเรื่องหนึ่งที่ฉันตัดสินใจทำลงไปโดยไม่ได้บอกทุกคนก่อน เพราะฉันกลัวว่าถ้าศัตรูรู้เรื่องนี้เข้ามันจะส่งผลกระทบต่อกิลด์”
“หา? หัวหน้ามีเรื่องที่ยังไม่ได้บอกพวกเราอีกเหรอครับ?” ไป๋เหลิงกล่าวอย่างประหลาดใจ
ไป๋ฉือที่นั่งอยู่ใกล้ ๆ ตบศีรษะของน้องชายไป 1 ที ก่อนที่เขาจะพูดขึ้นมาว่า
“นั่งเงียบ ๆ ฟังหัวหน้าพูดให้จบก่อน”
“ก่อนที่เราจะเริ่มทำสงครามแล้วบุกยึดป้อมวินด์ธันเดอร์มา ฉันได้รับเงินทุนมา 1,000 ล้านและนักลงทุนคนนั้นก็คือพ่อของเจียงเจ๋อ” ลู่หยางกล่าว
ทันทีที่พูดจบทุกคนต่างก็หันไปมองเจียงเจ๋อพร้อม ๆ กัน จากนั้นพวกเขาก็หันมามองทางลู่หยาง
“หัวหน้า ถ้าเรามีเงินก้อนใหญ่ขนาดนั้น พวกเราควรรีบรับซื้อวัตถุดิบกับอุปกรณ์มาเตรียมทำสงครามเลยไหมครับ?” เหมาชิวถาม
“ตอนแรกฉันก็คิดแบบนั้น แต่ฉันตัดสินใจเอาเงินส่วนใหญ่ไปลงทุนแล้วทำให้ตอนนี้พวกเรามีเงินทุนเหลือไม่ถึง 100,000 เหรียญทอง” ลู่หยางตอบซึ่งมันก็ทำให้ทุกคนถอนหายใจออกมาด้วยความผิดหวัง
“หัวหน้า คุณเอาเงินไปลงทุนที่ไหนเหรอคะ?” เซี่ยหยู่เว่ยถาม
“พวกเธออยากรู้จริง ๆ เหรอ?” ลู่หยางถามกลับ
ทุกคนต่างก็พยักหน้ารับขึ้นมาพร้อม ๆ กัน
“ฉันเอาเงินไปซื้ออาคารทางตอนเหนือของเมืองมา 2,600 หลัง” ลู่หยางตอบอย่างสบายๆ
“หา?! หัวหน้าพูดอีกทีสิครับ เมื่อกี้ผมหูฝาดไปหรือเปล่า?” ไป๋เหลิงอุทานด้วยดวงตาอันเบิกกว้าง
“ใช่ค่ะ หัวหน้าช่วยพูดอีกทีสิคะ” พวกเซี่ยหยู่เว่ยต่างก็พยักหน้ารับด้วยเช่นกัน
“ฉันเอาเงินไปซื้ออาคารทางตอนเหนือของเมืองมา 2,600 หลัง ต้นทุนของอาคารพวกนั้นอยู่ที่ประมาณ 300,000 เหรียญทอง” ลู่หยางกล่าวโดยพยายามกลั้นรอยยิ้มเอาไว้
“พวกเรารวยแล้วโว้ย!” ไป๋ฉืออุทานขึ้นมา แน่นอนว่าทุกคนต่างก็ดีใจจนเก็บอาการไม่อยู่ด้วยเช่นกัน
“หัวหน้า พวกเรารวยแล้ว พวกเรารวยแล้ว!” จางจื่อโป๋กรีดร้องด้วยความดีใจ
“โอ้พระเจ้า! หัวหน้าได้อาคารมาตั้ง 2,600 หลังทั้ง ๆ ที่ใช้เงินทุนไปแค่ 300,000 เหรียญทองเท่านั้นเอง ตอนนี้ราคาของพวกมันน่าจะดีดขึ้นไปสัก 5 ล้านเหรียญทองได้แล้วมั้ง พวกเราได้กำไรมาเท่าไหร่แล้วเนี่ย” เหมาชิวพูดอย่างตื่นเต้น
“แค่ไม่กี่วันนายก็ทำให้เงินลงทุนจากพ่อฉันเพิ่มขึ้นมาเป็น 1.5 เท่าได้เลยนะเนี่ย” เจียงเจ๋อกล่าวอย่างตื่นเต้นด้วยเช่นกัน
ลู่หยางมองไปยังทุกคนอย่างมีความสุข เพราะกำไรจากการลงทุนในครั้งนี้มันมากพอที่จะทำให้เขาจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้นทุกคนได้แล้ว ซึ่งมันก็หมายความว่าทุกคนที่อยู่ในห้องประชุมไม่จำเป็นจะต้องทำงานให้กับกิลด์ฟรี ๆ อีกต่อไป
หลังจากรอให้ทุกคนสงบลง ลู่หยางก็พูดขึ้นมาว่า
“สาเหตุที่ฉันเรียกทุกคนมาในวันนี้เพราะฉันอยากจะถามความเห็นว่าเราควรจะปล่อยเช่าอาคารพวกนี้หรือเอาไปขายเพื่อเอาเงินมาทำอย่างอื่นต่อดี แต่ก่อนหน้านั้นฉันก็ตั้งใจจะจ่ายเงินปันผลให้ทุกคน 1 ครั้ง”
ทุกคนตาโตเมื่อได้ยินคำว่าเงินปันผล แต่พวกเขาก็ต้องรีบนั่งลงด้วยสีหน้าอันครุ่นคิด
“การขายพวกมันออกไปเป็นวิธีที่ทำให้เราได้รับเงินโดยเร็วที่สุด แต่ฉันว่ามูลค่าของพวกมันควรจะเพิ่มได้กว่านี้อีกมาก การปล่อยเช่าแม้จะได้เงินกลับมาช้ากว่าแต่มันก็จะทำให้กิลด์ของเราอยู่ต่อไปได้อย่างมั่นคง” เซี่ยหยู่เว่ยแสดงความคิดเห็น
ฉิงชางพยักหน้าอย่างเห็นด้วย ก่อนจะพูดขึ้นมาว่า
“ผมได้ยินมาว่าเซคคัลเวิลด์กำลังวางแผนร่วมธุรกิจกับแพลตฟอร์มขายของออนไลน์ อาจจะเป็นไปได้ว่าในอนาคตพวกเราสามารถเข้ามาเดินชอปปิงภายในเกมได้เลย แบบนี้มันก็หมายความว่าแบรนด์ใหญ่ ๆ จำเป็นจะต้องใช้พื้นที่เพื่อเปิดร้านค้า แล้วมันก็ดูเหมือนกับว่าพื้นที่ทางตอนเหนือของเมืองเป็นทำเลที่เหมาะสมที่สุด”
“ถ้าเป็นแบบนั้นจริง ๆ แค่เก็บค่าเช่าอย่างเดียวพวกเราก็รวยแล้ว” จางจื่อโป๋กล่าว
“ผมเห็นด้วยกับการปล่อยเช่า”
“ผมก็เห็นด้วย”
…
ในเวลาเพียงแค่ไม่นานเหล่าบรรดาแกนหลักของกิลด์ก็ยกมือโหวตเป็นเสียงเดียวกันว่าให้ทำการปล่อยเช่าอาคารมากกว่าจะขายพวกมันออกไป
“โอเค ถ้าอย่างนั้นหลังจากนี้ฉันจะมอบหน้าที่เรื่องการปล่อยเช่าให้ถูเฟิงคอยดูแล ค่าเช่าทั้งหมดจากอาคารทั้ง 2,600 หลังจะถูกเปลี่ยนมาเป็นเงินปันผลและสัญญาเช่าขั้นต่ำฉันขอกำหนดเอาไว้ที่ 3 เดือน” ลู่หยางกล่าว
แม้โดยข้อสรุปทุกคนจะลงความเห็นว่าให้เก็บค่าเช่าเพียงแค่ 10 เหรียญทองต่อเดือน แต่เงินก้อนแรกที่พวกเขาจะได้รับก็มีอย่างน้อย 20 ล้านเครดิตแล้ว ถ้าหากเงินก้อนนี้นำมาจ่ายเป็นเงินปันผลทั้งหมด มันก็หมายความว่าทุกคนจะได้รับส่วนแบ่งกันคนละไม่น้อยกว่า 600,000 เครดิต
“หัวหน้า คุณนี่เก่งจริง ๆ” จางจื่อโป๋กล่าว
เงินในส่วนของฉันไม่ต้องเอามาจ่ายปันผลให้กับฉันนะ แต่เอาเงินพวกนั้นไปซื้อวัตถุดิบเข้ากิลด์ได้เลย” ลู่หยางกล่าว
“หัวหน้าถ้าแบบนั้นพวกเราก็ไม่เอาเงินปันผลเหมือนกัน” ไป๋เหลิงกล่าว
ลู่หยางส่ายหัวปฏิเสธพร้อมกับพูดว่า
“ทุกคนจะมาเลียนแบบฉันไม่ได้ ฉันจะบอกความจริงเรื่องหนึ่งให้นะว่าความจริงแล้วฉันรวยมาก เงินแค่ไม่กี่ล้านแค่นี้ไม่จำเป็นสำหรับฉันหรอก”
ทุกคน “......”
“อย่าบอกนะว่าจริง ๆ แล้วหัวหน้าเป็นมหาเศรษฐี?” เหมาชิวถาม
“ฉันดูเหมือนมหาเศรษฐีไหมล่ะ?” ลู่หยางกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ไม่เหมือนครับ” เหมาชิวตอบตามตรง
“ช่างมันเถอะ เอาเป็นว่าตอนนี้ฉันยังมีเงินอยู่จริง ๆ ส่วนฉันเอาเงินมาจากไหนทุกคนก็อย่าเพิ่งถาม เมื่อถึงเวลาฉันจะบอกทุกคนเอง แน่นอนว่าทุกคนยังคงจะได้รับเงินปันผลอยู่เหมือนเดิมและถ้าหากว่าพวกเราโชคดีมากพอ พวกนายแต่ละคนอาจจะได้เงินก้อนชนิดที่พวกนายคาดไม่ถึงกันเลยล่ะ” ลู่หยางกล่าว
แน่นอนว่าเรื่องที่ลู่หยางยังปิดบังเอาไว้นั่นก็คือเรื่องที่เขาไปกว้านซื้ออาคารมาจากอีก 3 เมือง เพราะในตอนนี้ทางระบบยังไม่มีการประกาศจุดแลกเปลี่ยนแห่งใหม่ของเมืองพวกนั้นอย่างเป็นทางการ ซึ่งลู่หยางก็คาดเดาว่าทางบริษัทเกมอาจจะกำลังใช้พื้นที่ทางตอนเหนือของเมืองเซนต์กอลล์เป็นโครงการนำร่องเพื่อทำการสำรวจผลตอบรับจากผู้เล่น
ที่สำคัญที่สุดคือการที่เขานำเงินไปลงทุนในกาเก่คอยน์ ซึ่งถ้าหากว่าเงินสกุลนี้มีมูลค่าเพิ่มขึ้นไปเหมือนกับในชาติก่อน มันก็จะทำให้เขาได้รับผลกำไรกลับมาไม่น้อยกว่า 10,000 ล้านเครดิต
ย้อนกลับไปในชาติก่อนลิ่วเจียได้ใช้เงินจำนวนมหาศาลมาบดขยี้เขา ซึ่งลู่หยางก็กำลังรอที่จะใช้เงินจำนวนมหาศาลในการกดดันให้อีกฝ่ายล้มละลายภายในเกมด้วยเช่นกัน
หลังจากออกมาจากพื้นที่พิเศษ ลู่หยางก็มองไปยังสีหน้าแห่งความสุขของทุกคนก่อนจะพูดขึ้นมาว่า
“หลังจากได้เงินปันผลในครั้งนี้แล้วฉันจะเปิดบัญชีธนาคารให้กับทุกคนและจะใส่เงินเอาไว้ให้บัญชีละ 500,000 เครดิต”
“พี่ไม่จำเป็นจะต้องทำแบบนั้นหรอกครับ” ฮั่นเฟยกล่าว
“จำเป็นสิ ทุกคนคือน้อง ๆ ของฉันและฉันก็อยากให้พวกนายทุกคนมีชีวิตที่ดีขึ้น ดังนั้นต่อไปฉันจะจ่ายเงินปันผลให้กับพวกนายในทุก ๆ เดือนและพวกนายก็ต้องรับเงินก้อนนี้ไปใช้ด้วย” ลู่หยางกล่าว
เมื่อสามพี่น้องตระกูลฮั่น, เสี่ยวเหลียงและมู่หยูได้ยินคำพูดที่ก้าวร้าวของลู่หยาง มันก็ทำให้พวกเขารู้สึกอบอุ่นขึ้นมาภายในใจ
“ขอบคุณครับ/ค่ะพี่” ทุกคนกล่าวพร้อมกับพยักหน้าพร้อมกัน
“ดีมาก เอาล่ะเดี๋ยวฉันจะไปล่อมอนสเตอร์ฝูงใหม่มาแล้วนะ” ลู่หยางกล่าวอย่างพอใจ ก่อนที่เขาจะกระโดดลงไปจากช่องเพดานและวิ่งไปลากมอนสเตอร์มาอีกครั้ง
การเก็บเลเวลเมื่อวานทำให้เลเวลของลู่หยางเพิ่มขึ้นจาก 30 เป็น 33 และในวันนี้อย่างน้อยเลเวลของเขาก็คงจะเพิ่มขึ้นเป็น 35
ก่อนเดินทางมาเก็บเลเวลเขาได้สร้างน้ำยาเอคโคออฟเมจิกมาหลายพันขวด ดังนั้นเขาจึงไม่จำเป็นจะต้องกังวลว่าน้ำยาพวกนี้จะมีไม่พอให้ใช้งาน
เมื่อวิ่งมาจนถึงลานกว้างลู่หยางก็ได้พบว่าพวกแมงมุมโบราณยังเกิดใหม่ไม่มากนัก เขาจึงตัดสินใจเข้าไปสำรวจทางด้านในสมาคม ซึ่งเขาจำได้ว่าตรงบริเวณหน้าห้องทดลองที่ 22 เป็นสถานที่อยู่ของตั๊กแตนกลายพันธุ์ ซึ่งนอกเหนือจากพวกมันจะให้ค่าประสบการณ์สูงมากแล้วพวกมันยังมีโอกาสดรอปอัญมณีระดับ 3 ลงมาอีกด้วย
อัญมณีและวัตถุดิบสำหรับการเอนชานท์เป็น 2 ปัญหาใหญ่ที่รบกวนลู่หยางมาเป็นเวลานาน ซึ่งสาเหตุที่เขานำทุกคนมาเก็บเลเวลที่นี่ในอีกมุมหนึ่งนั่นก็เพราะเขาต้องการอัญมณีเหล่านี้ด้วย
หลังจากเดินไปท่ามกลางความมืดบนเส้นทางที่เต็มไปด้วยแมงมุมยักษ์ ในที่สุดเขาก็ได้พบกับตั๊กแตนกลายพันธุ์ที่เขาตามหา
ตั๊กแตนกลายพันธุ์ (ระดับกึ่งอีลิท)
เลเวล 60
พลังชีวิต 20,000/20,000
มอนสเตอร์ชนิดนี้มีรูปร่างที่พิเศษมาก โดยลำตัวของมันมีลักษณะเหมือนมังกรคอมมานโด บริเวณขาหลังมีความยาวและมีพลังกระโดดอันน่าตกใจ แขนคู่หน้าของมันได้ถูกวิวัฒนาการจนกลายเป็นเหมือนเคียวอันแหลมคม ทำให้โดยรวมมันกลายเป็นมอนสเตอร์ที่สามารถกระโดดไปสังหารศัตรูได้อย่างว่องไว
แม้ตั๊กแตนกลายพันธุ์จะมีพลังชีวิตแค่ 20,000 หน่วย แต่มันก็มีค่าพลังป้องกันสูงกว่าแมงมุมโบราณเสียอีก ยิ่งไปกว่านั้นความเร็วในการเคลื่อนที่ของมันยังสูงกว่าผู้เล่นถึง 80% หากใครได้มาเจอมอนสเตอร์ตัวนี้โดยไม่ได้เตรียมตัวเอาไว้ พวกเขาก็ไม่มีทางสลัดจากมันได้อย่างแน่นอน
สิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือพลังโจมตีของตั๊กแตนกลายพันธุ์ที่สามารถโจมตีได้ครั้งละมากกว่า 8,000 หน่วย และถึงแม้ในตอนนี้ลู่หยางจะมีพลังชีวิตมากกว่าเดิม แต่ถ้าหากเขาพลาดโดนมันโจมตีเข้าไปแม้แต่ครั้งเดียว ในเวลานั้นแม้แต่เขาก็เสียชีวิตลงไปได้เหมือนกัน
ก่อนลงมือชายหนุ่มได้ทำการตรวจสอบว่าสกิลสคอร์ชิ่งสปีดไม่ได้ติดคูลดาวน์ จากนั้นเขาก็ท่องคาถาปล่อยสกิลเมเทโออิมแพคออกมา 3 ครั้งติดต่อกันเพื่อทำการหลอกล่อมอนสเตอร์ทั้งหมดในระยะ 60 เมตร
-1
-1
......
ตัวเลขความเสียหายปรากฏขึ้นเหนือศีรษะของมอนสเตอร์อย่างมากมาย ซึ่งภายในนั้นมันก็มีตั๊กแตนกลายพันธุ์ปะปนอยู่มากกว่า 20 ตัว
พวกตั๊กแตนกลายพันธุ์ส่งเสียงกรีดร้องอย่างโกรธเกรี้ยว จากนั้นพวกมันก็กระโดดข้ามหัวแมงมุมโบราณเพื่อพุ่งเข้าหาลู่หยางที่กล้ามายั่วโมโหพวกมัน
หลังทำการโจมตีลู่หยางก็ได้เปิดใช้งานสกิลสคอร์ชิ่งสปีดพร้อมกับวิ่งกลับไปทางเดิมอย่างรวดเร็ว และด้วยผลของสกิลนี้ที่ทำให้ความเร็วในการเคลื่อนที่ของเขาเพิ่มขึ้นมาเป็น 285% มันจึงทำให้เขาสามารถกระโดดขึ้นไปบนเพดานโดยที่พวกตั๊กแตนกลายพันธุ์ไม่สามารถไล่ตามเขาทันได้เลย
ไฟร์วอลล์!
ลู่หยางรีบวางกำแพงไฟบริเวณใต้จุดที่เขาซ่อนตัวอยู่ และกว่าที่ฝูงมอนสเตอร์จะเดินทางเข้ามาพื้นที่บริเวณนี้ก็ได้ถูกเปลี่ยนเป็นทะเลเพลิง
-1
หลังจากฝูงตั๊กแตนได้มายืนอยู่ใต้เพดานที่มีช่องโหว่แล้ว พวกมันต้องงอขาลงทั้ง 2 ข้างก่อนจะพุ่งตัวขึ้นมาใช้เคียวคู่หน้าพยายามฟาดฟันไปที่ศัตรูของพวกมัน
แม้พวกตั๊กแตนจะกระโดดขึ้นมาได้สูงมาก แต่ลู่หยางก็ยังคงยืนอยู่นิ่ง ๆ โดยไม่สนใจ เพราะในชาติก่อนเขาเคยเผชิญหน้ากับพวกมันมาเป็นจำนวนนับครั้งไม่ถ้วน และเขาก็สามารถยืนยันได้อย่างแน่นอนว่าพวกมันไม่สามารถกระโดดขึ้นมาโจมตีในจุดนี้ได้ เขาจึงทำการหยิบน้ำยาเอคโคออฟเมจิกเพื่อโยนลงไปในฝูงมอนสเตอร์ด้านล่าง
เพล้ง!
ฝูงตั๊กแตนกลายพันธุ์และแมงมุมโบราณถูกย้อมร่างจนกลายเป็นสีม่วงเข้มพร้อม ๆ กับพลังป้องกันทางเวทมนตร์ของพวกมันที่ถูกลดลงไปเป็นจำนวนมาก
-1,917
......
เมื่อพลังป้องกันทางเวทมนตร์ถูกลดลงไป 30% พวกมันก็เริ่มสูญเสียพลังชีวิตลงไปอย่างรวดเร็ว และหลังจากที่เวลาได้ผ่านพ้นไปประมาณ 10 วินาทีฝูงมอนสเตอร์เหล่านี้ก็เสียชีวิตลงไปทั้งหมด
ระบบ: คุณได้รับค่าประสบการณ์ 3,167 หน่วย (รวมโบนัสค่าประสบการณ์จากการล่ามอนสเตอร์เลเวลสูงกว่า 2,600 หน่วย)
......
ลู่หยางพาเสี่ยวเหลียงกระโดดลงไปทางด้านล่าง ซึ่งหลังจากที่พวกเขาค้นหาไอเท็มอยู่เพียงแค่ไม่นานพวกเขาก็ได้พบกับอัญมณีที่ส่องแสงประกายอย่างแวววาว
อัญมณีสติปัญญา (เลเวล 3)
เอฟเฟกต์ สติปัญญา+24
“พวกมันดรอปอัญมณีสติปัญญาระดับ 3 ลงมาด้วย” เสี่ยวเหลียงอุทานอย่างประหลาดใจ
ปัจจุบันอัญมณีเป็นสิ่งที่สามารถหาได้จากในดันเจียนเท่านั้น และมันยังดรอปลงมาเป็นเศษอัญมณีที่จำเป็นจะต้องนำไปรวมเพื่อเป็นอัญมณีอีกทีหนึ่ง ยิ่งไปกว่านั้นการหลอมอัญมณียังไม่มีอัตราที่แน่นอน ซึ่งสำหรับมือใหม่ที่ไม่เคยทำการหลอมพวกเขาก็จะมีโอกาสหลอมอัญมณีสำเร็จเพียงแค่ประมาณ 30% เท่านั้น
ลู่หยางมอบหน้าที่ให้เสี่ยวเหลียงทำการเก็บอัญมณี ส่วนเขาก็ได้วิ่งไปยังทางเดินอันมืดมิดเพื่อหลอกล่อศัตรูมาจัดการต่อ
ยิ่งเขาเดินเข้าไปในสถาบันลึกเท่าไหร่จำนวนของแมงมุมกลายพันธุ์ก็ยิ่งน้อยลงเท่านั้น ขณะเดียวกันจำนวนของตั๊กแตนกลายพันธุ์กลับมีจำนวนเพิ่มมากยิ่งขึ้น เมื่อลู่หยางกลับเข้าไปหลอกล่อมอนสเตอร์มาเป็นครั้งที่ 3 มันก็ไม่เหลือแมงมุมกลายพันธุ์อยู่ในทางเดินแล้ว
ด้วยเหตุนี้จำนวนอัญมณีที่พวกเขาได้รับจึงเพิ่มสูงขึ้นตามจำนวนตั๊กแตนกลายพันธุ์ที่ถูกหลอกล่อออกมา และกว่าที่พวกเขาจะสังหารมอนสเตอร์ทั้งหมดในทางเดิน มันก็ทำให้พวกเขาได้รับอัญมณีมามากกว่า 800 ชิ้น
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 167
- 👍 ถูกใจ


แสดงความคิดเห็น