บทที่ 414: อย่าได้ปฏิเสธคำเชิญ

-A A +A

บทที่ 414: อย่าได้ปฏิเสธคำเชิญ

“คุณชายรอง… เราไปกันเถิดเจ้าค่ะ” หลัวเซียวเซียวที่นั่งอยู่ด้านข้างมองคุณหนูเฉินที่กำลังสั่งงานอาจารย์ฉินและอดไม่ได้ที่จะกระซิบพูดเสียงเบา

นางไม่อยากให้มู่จวินเซิ่งต้องมาเดือดร้อนเพราะนาง

ก่อนที่แม่ทัพหนุ่มจะทันได้ตอบอะไร คุณหนูเฉินที่อยู่อีกฝั่งก็ได้ยินเสียงของหญิงสาว นางจึงเงยหน้าขึ้นประท้วงว่า “ไม่สิ เจ้าบอกว่าอยากจะสั่งทำปิ่นปักผมให้แม่ของตัวเองไม่ใช่หรือ?”

“หรือว่าแม่นางมีธุระเร่งด่วนต้องไปทำ? ถ้าเช่นนั้นเจ้าก็ไปก่อนเถอะ”

 ขณะที่หลัวเซียวเซียวกำลังจะเปิดปากพูด คุณหนูเฉินก็เปลี่ยนกลายเป็นคนที่คุยง่าย นางทำท่าทางเชื้อเชิญโดยแจ้งให้อาจารย์ฉินต้อนรับหญิงสาวก่อน

จากนั้นผู้เป็นอาจารย์จึงเข้าใจว่าหลัวเซียวเซียว มู่จวินเซิ่ง และคุณหนูเฉินไม่ได้เป็นสหายกัน 

“แม่นางท่านนี้ต้องการสั่งปิ่นปักผมให้ท่านแม่หรือ?” อาจารย์ฉินเข้าใจสถานการณ์เป็นอย่างดี เขาจึงไม่ได้ถามแขกชายหญิงผู้มาใหม่ว่าเป็นใคร ก่อนจะเดินนำพวกเขาเข้าไปด้านใน

จากนั้นเขาก็ทำตามคำสั่งของคุณหนูฉินและส่งแบบที่เขาวาดเอาไว้ให้หลัวเซียวเซียว “แม่นางสามารถเลือกแบบในนี้ก่อนได้เลย ลวดลายที่ถูกวาดเอาไว้นั้นข้าเป็นคนวาดเองทั้งหมด”

“แม่นาง ถ้าชอบแบบไหนก็บอกข้าได้ตามตรง หลังจากจ่ายเงินมัดจำแล้ว ท่านค่อยมารับของในอีก 3 วันข้างหน้า หรือแม่นางอยากจะสั่งแบบที่ไม่มีอยู่ในนี้ก็ได้เช่นกัน แต่ราคาจะสูงกว่านิดหน่อย…”

พอมาถึงจุดนี้หลัวเซียวเซียวก็ไม่สามารถปฏิเสธได้อีกต่อไป นางทำได้เพียงกัดฟันรับตำราเล่มเล็ก ๆ ที่อีกฝ่ายส่งมาให้

หลังจากพลิกดูไปได้ 2-3 หน้า หญิงสาวก็เลือก 1 ในนั้น

ปิ่นปักผมในภาพวาดเป็นแบบเรียบง่าย แต่ดูประณีตและงดงามมาก

“ข้าเลือกแบบนี้ก็ได้เจ้าค่ะ” หลัวเซียวเซียวหยิบถุงเงินออกมาจากอกเสื้อและกำลังจะจ่ายค่ามัดจำ แต่ใครจะไปคาดคิดว่าอาจารย์ฉินจะทำสีหน้าไม่สู้ดีเมื่อเห็นแบบที่นางเลือก

“มีอะไรหรือเจ้าคะ?” หญิงสาวเอ่ยปากถามก่อนจะเหลือบมองคุณหนูเฉินที่กำลังดื่มชาอยู่ด้านข้าง “มีปัญหาอะไรหรือไม่?”

“แหะ ๆ” อาจารย์ฉินหัวเราะแห้ง ๆ แล้วตอบกลับว่า “แม่นาง ช่างบังเอิญยิ่งนักที่ปิ่นปักผมอันนี้ถูกคุณหนูเฉินจับจองไปแล้ว”

“กฎของร้านเราก็คือ เราจะทำปิ่นปักผมขึ้นมาเพียงชิ้นเดียวเท่านั้น แล้วแบบที่เอามาให้ลูกค้าเลือกก็จะแตกต่างกันออกไปทุกปี”

“ถ้าเช่นนั้นแม่นางลองดูลวดลายอื่นดีหรือไม่?”

พอได้ยินแบบนี้หลัวเซียวเซียวก็ไม่ได้รู้สึกโกรธเคืองแต่อย่างใด ในทางกลับกัน นางรู้สึกโล่งใจแทนด้วยซ้ำ 

หญิงสาวกำลังจะเอ่ยปากพูดว่าไม่เป็นไร แต่มู่จวินเซิ่งที่อยู่ด้านข้างก็พูดขึ้นด้วยสีหน้าจริงจังก่อนว่า “นางเพิ่งตัดสินใจเลือกปิ่นปักผมอันนี้หรือ?”

อาจารย์ฉินแอบเหลือบตามองท่าทีของคุณหนูเฉินก่อนจะพยักหน้า “ขอรับ คุณหนูเลือกไว้เมื่อครู่นี้ ก่อนที่แขกทั้ง 2 จะเข้ามา…”

มู่จวินเซิ่งพยักหน้าอย่างครุ่นคิด ไม่นานเขาก็ถามว่า “นางจ่ายเงินมัดจำแล้วหรือยัง?”

“เอ๋?” อาจารย์ฉินตกตะลึง เขาไม่คาดคิดว่าชายหนุ่มจะถามคำถามนี้ เขาจึงไม่รู้ว่าควรจะตอบกลับว่าอย่างไร

มู่จวินเซิ่งอ่านคำตอบจากสีหน้าของอีกฝ่ายได้ทันที เขาจึงพูดออกไปว่า “ดูเหมือนว่านางจะยังไม่ได้จ่ายค่ามัดจำ ในเมื่อนางยังไม่ได้จ่ายเงินมัดจำสินค้า ดังนั้นการค้าขายนี้ก็ยังไม่ได้ข้อสรุปที่แน่ชัด”

“เซียวเซียว เจ้าจ่ายเงินไปสิ”

“ขอให้คุณหนูเฉินได้โปรดยอมแพ้ไปเสีย”

“นี่ ๆๆ… ไม่ได้ขอรับ!” อาจารย์ฉินตกใจไม่น้อยที่เกิดเหตุการณ์เช่นนี้

เขาทำธุรกิจในเมืองเล็ก ๆ แห่งนี้และเช่าร้านค้าจากตระกูลเฉิน ถ้าเขาไปทำอะไรขัดใจตระกูลเฉินเข้า ร้านของเขาจะดำเนินกิจการต่อไปได้อย่างไร?

“ถึงแม้ท่านจะพูดเช่นนั้น แต่ท่านก็ควรจะยึดตามหลักการใครมาก่อนได้ก่อนไม่ใช่หรือ?” อาจารย์ฉินอธิบายด้วยสีหน้าเป็นกังวล “เดิมทีคุณหนูเฉินมักจะจ่ายค่าเครื่องประดับพร้อมกันหลังจากที่เลือกเสร็จแล้วตลอด”

คิ้วหนาของมู่จวินเซิ่งขมวดเข้าหากันแน่น

เขาสังเกตได้ว่าพอหลัวเซียวเซียวเห็นภาพวาดของปิ่นปักผมลวดลายนั้น นางรู้สึกชอบมันจริง ๆ เขาจึงไม่อยากให้นางยอมตัดใจไปง่าย ๆ 

“คุณชายรอง ช่างมันเถิดเจ้าค่ะ” หญิงสาวกระซิบพูดเสียงเบา “ไม่เป็นไรหรอกเจ้าค่ะ เราไปดูร้านอื่นกันเถอะ นอกจากนี้เรายังต้องรีบเดินทางกันอีก ข้าได้ยินมาว่ามีร้านเครื่องประดับดี ๆ อยู่ที่อวิ้นเฉิง”

เมืองสุดท้ายที่พวกเขาจะต้องผ่านก่อนถึงเมืองหลวงก็คือเมืองอวิ้นเฉิง

เมืองอวิ้นเฉิงแตกต่างจากเมืองเล็ก ๆ แห่งนี้ เพราะที่นั่นมีความเจริญรุ่งเรืองมากกว่าและมีร้านค้าให้เลือกสรรมากมาย

พอมู่จวินเซิ่งได้ยินเช่นนี้ เขาก็สบตาหลัวเซียวเซียวนิ่งก่อนจะถามว่า “เจ้าอยากจะลองไปดูร้านที่อวิ้นเฉิงจริง ๆ หรือ?”

“เจ้าค่ะ” หญิงสาวพยักหน้าโดยไม่ต้องคิด จากนั้นนางก็นึกถึงบางอย่างขึ้นได้แล้วพูดต่อว่า “พอถึงเวลานั้น ข้าคงจะต้องรบกวนคุณชายรองให้ไปเป็นเพื่อนข้าอีกครั้งแล้วเจ้าค่ะ”

หลังจากแม่ทัพหนุ่มได้ยินประโยคสุดท้าย เขาก็ทำหน้าพึงพอใจ ก่อนที่เขาจะลุกขึ้นพร้อมกับพูดว่า “เช่นนั้นเราไปกันเถอะ”

คุณหนูเฉินที่ได้ฟังบทสนทนาของคนทั้ง 2 และสังเกตเห็นสีหน้าที่เปลี่ยนไปของคุณชายไป๋

ในตอนที่เขาลุกขึ้นเตรียมจะออกไปจากร้าน นางก็รีบลุกขึ้นพูดว่า “ช้าก่อน ข้าสามารถมอบปิ่นปักผมนั้นให้นางได้ภายใต้เงื่อนไขเดียวกัน แต่ท่านจะต้องมางานเลี้ยงที่จวนของข้าคืนนี้”

มู่จวินเซิ่งจ้องหญิงสาวที่ยืนอยู่ตรงหน้าพลางขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจ “คุณหนูเฉิน ข้าไม่เคยตอบตกลงคำเชิญของท่านมาก่อน”

“เหตุใดท่านถึงไม่ตกลง?” คุณหนูเฉินยังคงทำตัวเอาแต่ใจ “เมื่อกี้นี้ท่านไม่ได้ปฏิเสธซึ่งหมายความว่าท่านตกลง และแม่นางคนนั้นก็ยังสั่งปิ่นปักผมจากอาจารย์ฉินด้วย แต่โชคไม่ดีที่นางสั่งแบบเดียวกับที่ข้าสั่งเอาไว้แล้ว ถ้าลองคิดดูให้ดี ๆ เรา 2 คนดูเหมือนจะใจตรงกันมากทีเดียว”

ประโยคสุดท้ายที่หญิงสาวพูดนั้นดูเหมือนมีความหมายแฝงบางอย่าง

นั่นทำให้คิ้วเรียวสวยของหลัวเซียวเซียวขมวดเข้าหากันโดยไม่รู้ตัว นางไม่เคยพบเจอใครที่ตามตอแยคนอื่นเหมือนคุณหนูเฉินคนนี้มานานแล้ว

“หลีกทาง” ความอดทนของมู่จวินเซิ่งมีจำกัด หากไม่ใช่เพราะว่าก่อนหน้านี้หลัวเซียวเซียวต้องการจะสั่งทำปิ่นปักผมเป็นของขวัญให้แม่ของตน เขาคงจะหันหลังเดินออกไปนานแล้ว

ตอนนี้เมื่อหญิงสาวตัดสินใจแน่วแน่ว่าจะกลับ เขาจึงไม่สนใจที่จะทำดีกับคุณหนูเฉินอีกต่อไป

อย่างไรก็ตาม การรับมือกับผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย นางกลับหัวเราะออกมาเสียงดังแทนที่จะโกรธที่เขาตะคอกใส่นาง และถึงขั้นกระโจนเข้ามาในอ้อมแขนของเขา “โอ๊ย ท่านทำให้ข้าตกใจมาก คุณชายไป๋ ข้าเวียนหัวไปหมดแล้ว ไยท่านไม่พาข้าไปส่งที่จวนหน่อยล่ะ?”

มู่จวินเซิ่งยืนตื่นตะลึงไปชั่วขณะ ในตอนที่คุณหนูเฉินกำลังจะล้มเข้ามาในอ้อมแขนของเขา ชายหนุ่มก็ดันหลัวเซียวเซียวให้หลบไปด้านข้างอย่างรวดเร็ว ก่อนที่เขาจะเบี่ยงตัวหลบไปอีกด้านหนึ่ง คุณหนูเฉินจึงพลาดเป้าหมายล้มลงไปกองกับพื้น

“คุณหนู! เกิดอะไรขึ้นขอรับ?” คนรับใช้ 2 คนที่รออยู่หน้าประตูได้ยินเสียงดังจึงรีบวิ่งเข้ามา ผลก็คือพวกเขาเห็นคุณหนูเฉินล้มหน้าคว่ำอยู่บนพื้นด้วยสีหน้าที่อับอายปนโมโห พวกเขาจึงสรุปได้ทันทีว่าน่าจะเป็นฝีมือของคุณชายคนนั้น “พวกเจ้าทั้ง 2 ตอบแทนความเมตตาของคุณหนูเช่นนี้อย่างนั้นหรือ?”

“คุณหนูของเรายอมให้พวกเจ้าเข้ามาด้านใน พวกเจ้ากล้าดีอย่างไรถึงรังแกคุณหนูของเรา!”

“หุบปาก!” คุณหนูเฉินจ้องไปที่มู่จวินเซิ่งขณะตะคอกด้วยความหงุดหงิด “พวกเจ้ารีบมาช่วยพยุงข้าเร็วเข้า!”

ในใต้หล้านี้ไม่มีสิ่งใดในชีวิตที่คุณหนูเฉินคนนี้ต้องการแล้วเอามาไม่ได้!

คนรับใช้ทั้ง 2 รีบเข้าไปช่วยพยุงคุณหนูเฉินลุกขึ้นทันที

“คุณชายไป๋ ข้าขอแนะนำให้ท่านอย่าได้ปฏิเสธคำเชิญของข้า ไม่เช่นนั้นก็อย่าหาว่าข้าไม่เตือน” หญิงสาวเอ่ยเตือนพลางหัวเราะเบา ๆ “ถ้าท่านทำให้ตระกูลเฉินของเราขุ่นเคือง ในอนาคตการที่ท่านจะออกจากเมืองเล็ก ๆ แห่งนี้มันจะกลายเป็นปัญหา”

“แล้วจากที่ข้าได้ยินสิ่งที่พวกท่านคุยกันเมื่อครู่ ดูเหมือนว่าพวกท่านกำลังจะมุ่งหน้าไปที่เมืองหลวงใช่หรือไม่?”

“ข้าบอกท่านไปแล้วว่าลุงของข้าเป็นขุนนางใหญ่อยู่ที่เมืองหลวง นั่นไม่ใช่เรื่องล้อเล่นหรอกนะ หากท่านทำให้ข้าไม่พอใจ ข้าอาจจะส่งจดหมายให้พวกท่านต้องไปชดใช้ความผิดที่เมืองหลวงก็ได้”

ในตอนนั้นเอง สายตาของมู่จวินเซิ่งแฝงไปด้วยความดุดัน “โห ข้าอยากจะรู้ว่าท่านลุงของคุณหนูเฉินนั้นอยู่ในตำแหน่งใดถึงได้ยิ่งใหญ่ถึงเพียงนี้”

“ฮึ นั่นไม่ใช่เรื่องของท่าน!” หญิงสาวโต้กลับด้วยท่าทางหยิ่งยโส

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 

ติดตามเราได้ที่

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ คัดลอก หรือนำไปดัดแปลงโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืนแล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบนิยาย เรื่องสั้น บทความ หรือเนื้อหาอื่นๆ ที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ที่ keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงานจะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018- keangun. All Rights Reserved.