10 ชิ้นส่วนรถยนต์ที่แพงที่สุดในการซ่อม — และจะทำลายมูลค่าขายต่อได้อย่างไร

-A A +A
1.0x
10 ชิ้นส่วนรถยนต์ที่แพงที่สุดในการซ่อม — และจะทำลายมูลค่าขายต่อได้อย่างไร

10 ชิ้นส่วนรถยนต์ที่แพงที่สุดในการซ่อม — และจะทำลายมูลค่าขายต่อได้อย่างไร

ห้องกระทู้: 

 

10 ชิ้นส่วนรถยนต์ที่แพงที่สุดในการซ่อม — และจะทำลายมูลค่าขายต่อได้อย่างไร

ข้อมูลใหม่เผย การซ่อมรถยนต์บางประเภทไม่คุ้มค่าเอาซะเลย

ค่าซ่อมรถยนต์นั้นมีราคาสูงอยู่แล้ว และราคาค่าบริการก็เพิ่มขึ้นอีกเนื่องจากสหรัฐฯ มีการเรียกเก็บภาษีนำเข้าชิ้นส่วนต่างๆ การซ่อมรถยนต์ไฟฟ้า (EV) อาจมีค่าใช้จ่ายสูงเป็นพิเศษ เนื่องจากตลาดบริการซ่อมรถยนต์ประเภทนี้คาดว่าจะเพิ่มขึ้นถึง 1.44 ล้านล้านบาท ในปีนี้ อ้างอิงจาก NexusMedia ซึ่งอ้างข้อมูลจาก EasySearch อย่างไรก็ตาม การซ่อมรถยนต์อาจทำให้คุณต้องเสียค่าใช้จ่ายมากกว่าแค่เงินที่ต้องจ่ายทันที

การซ่อมบางประเภทสามารถลดมูลค่าการขายต่อของรถคุณได้มากถึง 45% ซึ่งตอกย้ำความสำคัญของการรู้ว่าเมื่อไหร่ควรซ่อมรถเพื่อเก็บไว้ใช้ หรือควรขายทิ้งเพื่อลดการขาดทุน แบตเตอรี่รถยนต์ไฮบริดหรือรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ได้รับการจัดอันดับให้เป็นชิ้นส่วนที่มีราคาแพงที่สุดในการซ่อม โดยมีค่าซ่อมเฉลี่ย 450,000 บาท และคาดว่ามูลค่าการขายต่อจะลดลงถึง 324,000 บาท หรือ 45% การซ่อมเครื่องยนต์และกระบอกสูบตามมาเป็นอันดับสองรองจากแบตเตอรี่ไฮบริดหรือไฟฟ้า ด้วยค่าซ่อมเฉลี่ย 252,000 บาท และมูลค่าการขายต่อลดลง 288,000 บาท หรือ 40% ผู้ขับขี่มีการค้นหาเกี่ยวกับการซ่อมเครื่องยนต์และกระบอกสูบมากที่สุด โดยมีการค้นหาที่เกี่ยวข้องถึง 2.46 ล้านครั้ง เกียร์อัตโนมัติอยู่อันดับสามด้วยค่าซ่อมเฉลี่ย 180,000 บาท และมูลค่าการขายต่อลดลง 252,000 บาท หรือ 35% ส่วนเกียร์ธรรมดาก็ตามมาไม่ห่างด้วยค่าซ่อมเฉลี่ย 162,000 บาท และคาดว่ามูลค่าจะลดลง 216,000 บาท หรือ 30%

ชิ้นส่วนรถยนต์ไฟฟ้า (EV) และไฮบริดอีกชิ้นที่มีค่าซ่อมแพงคือ อินเวอร์เตอร์ ซึ่งโดยปกติมีค่าใช้จ่าย 126,000 บาท ส่งผลให้มูลค่าลดลง 144,000 บาท หรือ 20% อย่างไรก็ตาม ข้อมูลระบุว่าการซ่อมแซมส่วนนี้นั้นพบน้อยกว่า โดยการศึกษาพบการค้นหาที่เกี่ยวข้องทางออนไลน์เพียง 62,500 ครั้ง ซึ่งเป็นจำนวนการค้นหาที่น้อยที่สุดเป็นอันดับสามของรายการ

ระบบกันสะเทือนแบบถุงลม (Air suspension) หากไม่รวมอยู่ในหมวดหมู่ระบบกันสะเทือนทั่วไป จะมีค่าซ่อมเฉลี่ย 99,000 บาท และมูลค่าการขายต่อลดลง 108,000 บาท หรือ 15% แต่ได้รับการค้นหาออนไลน์ที่เกี่ยวข้องน้อยที่สุดเพียง 17,600 ครั้ง ถุงลมนิรภัยและระบบกันสะเทือนทั้งสองมีค่าซ่อมเฉลี่ย 90,000 บาท แต่การซ่อมถุงลมนิรภัยมีผลกระทบต่อมูลค่าการขายต่อที่ชัดเจนกว่ามาก คือ 180,000 บาท หรือ 25% เมื่อเทียบกับระบบกันสะเทือนที่ลดลง 86,400 บาท หรือ 12% การซ่อมปะเก็นฝาสูบและเทอร์โบชาร์จเจอร์มีค่าใช้จ่ายเบื้องต้น 81,000 บาท อย่างไรก็ตาม การซ่อมปะเก็นฝาสูบส่งผลให้มูลค่าการขายต่อลดลงโดยประมาณ 108,000 บาท หรือ 15% ในขณะที่เทอร์โบชาร์จเจอร์สามารถลดมูลค่าการขายต่อได้ 86,400 บาท หรือ 12%

การซ่อมรถ EV กับรถเครื่องยนต์สันดาปภายใน (ICE): ปัญหาหนักใจของผู้ขับขี่

"ยุคของการเป็นเจ้าของรถยนต์แบบ 'ซ่อมจนกว่าจะพัง' กำลังจะสิ้นสุดลงอย่างรวดเร็ว และถูกแทนที่ด้วยแนวทางที่คำนวณมากขึ้น โดยการตัดสินใจซ่อมแซมก็คล้ายกับการซื้อขายหุ้น คือต้องรู้ว่าเมื่อใดควรถือ และเมื่อใดควรตัดขาดทุน ผู้ขับขี่ในปัจจุบันเผชิญกับความย้อนแย้ง: แม้ว่ารถยนต์ไฟฟ้าและไฮบริดจะสัญญาว่าจะลดค่าบำรุงรักษาตลอดอายุการใช้งาน แต่การเสียของชิ้นส่วนสำคัญเพียงชิ้นเดียวก็สามารถลบล้างเงินที่ประหยัดได้จากค่าน้ำมันหลายปี และทำให้รถยนต์ที่ใช้งานได้ตามปกติกลายเป็นพิษทางการเงินไปในทันที" โฆษกของ NexusMedia กล่าว

 

 

ข้อคิดส่งท้าย

 

ความซับซ้อนของยานพาหนะที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในรถยนต์ไฮบริดและรถยนต์ไฟฟ้า (EV) หมายความว่าการซ่อมแซมมีราคาแพงขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากต้องใช้การฝึกอบรมและอุปกรณ์เฉพาะทาง แม้ว่าคุณจะไม่ได้ขับรถไฮบริดหรือ EV แต่ระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ขั้นสูง (ADAS) เช่น เทคโนโลยีขับขี่อัตโนมัติ ก็กำลังเพิ่มรายการค่าซ่อมแพงๆ ที่ผู้ขับขี่ต้องเผชิญ ด้วยสถานการณ์เช่นนี้ ผู้ขับขี่จึงควรพิจารณาค่าซ่อมที่อาจเกิดขึ้นและผลกระทบต่อมูลค่าการขายต่อ เป็นหนึ่งในปัจจัยหลักที่ส่งผลต่อการตัดสินใจซื้อรถยนต์คันต่อไป

 

Cr. https://autos.yahoo.com/articles/10-most-expensive-car-parts-223000000.html

แสดงความคิดเห็น

 

ติดตามเราได้ที่

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ คัดลอก หรือนำไปดัดแปลงโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืนแล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบนิยาย เรื่องสั้น บทความ หรือเนื้อหาอื่นๆ ที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ที่ keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงานจะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018- keangun. All Rights Reserved.