บทที่ 71: แกเป็นใคร?!
หลินหยวนรั้งอยู่ที่สมาคมนักล่าจนถึงเย็นแล้วตัดสินใจออกไป
ช่วงเวลาก่อนหน้านี้เขาคิดหาวิธีล่อคนของลัทธิบูชาไททันที่ยังไม่เปิดเผยตัวตนออกมา ตอนนี้คงมีเพียงแค่การฆ่าทั้ง 3 คนเท่านั้นเรื่องดังกล่าวถึงจะจบลงได้
แต่ทันทีที่เขาก้าวออกจากสมาคมนักล่า เขาก็สัมผัสได้ว่ามีใครกำลังแอบติดตามตนมา
ชั่ววินาทีนั้นเด็กหนุ่มได้เปิดฉงถงระดับสูงโดยไม่ลังเล
หลังจากที่เขาใช้งานฉงถงระดับสูง รายละเอียดทุกซอกทุกมุมก็ปรากฏในสายตาของเขา
ไม่นานหลินหยวนก็แสร้งทำเป็นเดินไปตามถนนอย่างไม่ใส่ใจ แต่หางตาของเขาคอยจับจ้องกระจกหน้าต่างร้านค้าแห่งหนึ่ง แล้วก็เป็นไปตามคาด ขณะที่เขากำลังเดินผ่านถนนเส้นหนึ่ง เขาเห็นเงา 2 เงาปรากฏบนกระจกหน้าต่าง
ชาย 2 คนที่ตามหลังเด็กหนุ่มมาซ่อนตัวได้แนบเนียน ถ้าไม่ใช่เพราะเขามีสายตาที่ดีขนาดนี้ เขาคงไม่ทันสังเกตเห็นอีกฝ่าย
“คิดจะลอบทำร้ายฉันงั้นเหรอ?” แววตาของหลินหยวนเย็นเยียบ
ถ้าไม่ผิดไปจากที่เขาคาดเอาไว้ 2 คนที่แอบตามเขามาจะต้องเป็นคนของลัทธิบูชาไททันที่เขาพบเมื่อบ่ายนี้แน่นอน
ใครจะไปคาดคิดว่าหลังจากทั้งคู่ได้เห็นยาเปลี่ยนร่างเป็นไททันแล้ว พวกมันมีความคิดที่จะฆ่าเขาทันที
ทั้ง 2 คนมีความมุ่งมั่นมากเสียจนยอมหลบ ๆ ซ่อน ๆ อยู่นอกสมาคมนักล่าหลายชั่วโมง พอหลินหยวนเดินออกมาจากสมาคมนักล่า พวกมันก็รีบสะกดรอยตามเขามาทันที
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าคนพวกนั้นคิดจะทำอะไร พวกมันอยากจะฆ่าปิดปากเด็กหนุ่ม
หลังจากคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้หลินหยวนที่ตอนแรกกำลังจะมุ่งหน้ากลับโรงแรมได้ขยับเท้าเปลี่ยนเส้นทางทันที
ที่สุดปลายของเส้นทางนี้ก็คือมุมมืดที่ไม่ค่อยมีคนเพียงไม่กี่แห่งในป้อมปราการสงคราม
เดิมทีที่นี่เป็นพื้นที่รื้อถอนจึงไม่มีใครกล้าเข้ามา ก่อนหน้านี้มีคนไร้บ้านอาศัยอยู่ประปราย แต่หลังจากที่มีข่าวคนไร้บ้านหลาย 10 คนหายตัวไปอย่างลึกลับ คนที่ไม่มีทางเลือกอย่างพวกเขาก็ยังไม่คิดอยากจะมานอนที่นี่อีก
ปกติภายในป้อมปราการสงครามนั้นวุ่นวายมากพออยู่แล้ว แน่นอนว่าในมุมมืดของเมืองมีคนตายมากมายทุกวัน
เมื่อเทียบกับเรื่องนี้ การหายตัวไปของคนไร้บ้านเพียงไม่กี่ 10 คนนับว่าเป็นเรื่องเล็กน้อยมาก
หลังจากที่กองทัพได้รู้ข่าว พวกเขาก็ส่งทหารลาดตระเวนไปตรวจสอบแบบลวก ๆ แล้วก็ปิดคดีลงทั้งแบบนั้น
แต่พอมีคนไร้บ้านหายตัวไปแบบไม่ทราบสาเหตุ มันก็เกิดเรื่องแปลก ๆ ขึ้นที่นี่เรื่อย ๆ นอกจากจะมีเสียงกรีดร้องดังขึ้นอย่างกะทันหันในยามวิกาลแล้ว ยังมีคนพบศพเน่าเปื่อยอยู่ในสภาพที่ไม่สมบูรณ์อีกด้วย
เมื่อเวลาผ่านไปพื้นที่แห่งนี้ก็เป็นแหล่งรวมของวิญญาณอาฆาต
นอกจากพวกลักลอบขนของเถื่อนที่จะมารวมตัวกันที่นี่เป็นครั้งคราวก็แทบจะไม่มีใครกล้ามาเหยียบที่นี่อีกเลย
และเหตุผลที่หลินหยวนพาคนของลัทธิบูชาไททันมาที่นี่ก็เพราะมันเหมาะที่จะเป็นสนามต่อสู้มากที่สุด
ถ้าเขาเดาไม่ผิด สาวกลัทธิบูชาไททันทั้ง 2 จะต้องแปลงร่างเป็นไททันได้ทุกเมื่อเหมือนกับโม่จิ่วโหยวแน่
หากการต่อสู้เกิดขึ้นในเขตเมืองใหญ่ พลเรือนผู้บริสุทธิ์ย่อมโดนลูกหลงบาดเจ็บล้มตายไปอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ดังนั้นการที่เขานำศัตรูมาในพื้นที่ที่ไร้ผู้คนแห่งนี้จึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด
เพียงเท่านี้หลินหยวนก็จะสามารถขจัดความกังวลของเขาไปได้หลายส่วนและเพ่งสมาธิไปกับการจัดการกับผู้ศรัทธาลัทธิบูชาไททันทั้ง 2
ถึงเด็กหนุ่มจะยังไม่ทราบตำแหน่งของสาวกคนที่ 3 แต่ในเมื่อเขาตกเป็นเป้าหมายของฝ่ายตรงข้ามไปแล้ว เขาจึงจำใจต้องโจมตี 2 คนนี้ก่อน
…
“ปีศาจนรก นายไม่คิดว่ามันแปลกไปหน่อยเหรอ?” ภูตพยัคฆ์ขมวดคิ้วถามด้วยความสงสัย “ทำไมไอ้เด็กนี่ถึงเดินมาถึงที่นี่ หรือว่ามันรู้ตัวแล้ว?”
สีหน้าของปีศาจนรกเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมในขณะที่เขากระซิบว่า “คงไม่หรอกมั้ง ถ้าไอ้เด็กนั่นรู้ตัวจริง ๆ มันซ่อนตัวอยู่ในสมาคมนักล่าจะไม่ปลอดภัยกว่าหรือไง ทำไมมันถึงต้องพาเรามาในที่ที่ไม่มีคนด้วยล่ะ?”
“ตามมันไปก่อน มาดูกันว่ามันคิดจะทำอะไร”
ท่าทางนั้นบ่งบอกว่าปีศาจนรกมั่นใจในความสามารถของการสะกดรอยของตัวเองมาก เขาไม่เชื่อเลยว่าอีกฝ่ายจะค้นพบตนได้ง่าย ๆ
ภูตพยัคฆ์พยักหน้าจากนั้นดวงตาของเขาก็เปลี่ยนเป็นดุดัน “ไม่ว่ามันคิดจะทำอะไร ยังไงวันนี้ก็เป็นวันตายของมัน อีกอย่างไปที่ที่ไม่มีคนสิดี พวกเราลงมือได้สะดวกกว่าเดิมอีก”
ถัดมา เขากับปีศาจนรกก็สะกดรอยตามหลินหยวนไปเรื่อย ๆ
แต่สิ่งที่พวกเขาไม่คาดคิดก็คือ หลังจากที่เจ้าเด็กนั่นเข้าไปในพื้นที่รื้อถอนที่ไร้ผู้คนแห่งนี้ อีกฝ่ายกลับเลือกที่จะเร่งความเร็วขึ้นแบบกะทันหัน
ร่างของผู้ถูกสะกดรอยตามกำลังเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วทิ้งไว้เพียงภาพเงาอยู่ท่ามกลางซากอาคารผุพัง
ก่อนที่ทั้งคู่จะทันได้ตั้งตัว หลินหยวนก็หายลับไปจากสายตาของพวกเขาแล้ว
“บัดซบ ตามมันไป อย่าให้คลาดสายตาเด็ดขาด” ปีศาจนรกกดเสียงต่ำ
ในสถานการณ์แบบนี้พวกเขาไม่สนใจที่จะปิดบังตัวตนอีกต่อไป แล้วพุ่งทะยานออกไปสุดกำลังเพื่อไล่ตามเป้าหมายที่กำลังจะหายไปจากสายตา
ในที่แบบนี้ไม่สำคัญว่าอีกฝ่ายจะเจอพวกเขาหรือไม่ ถ้าเจอตัวมันเมื่อไหร่ก็ฆ่าทันที!
เพียงไม่กี่วินาที ภูตพยัคฆ์กับปีศาจนรกก็วิ่งเป็นระยะทางเกือบ 1,000 เมตรแล้ว แต่ร่างของหลินหยวนก็หายวับไปจากตรงนั้นเหมือนไม่เคยมีอยู่จริง
“เวรเอ๊ย ทำไมไอ้หมอนั่นถึงวิ่งเร็วขนาดนี้” ภูตพยัคฆ์สบถออกมาอย่างหัวเสีย “แค่ไม่กี่วินาทีมันก็หายไปแล้วงั้นเหรอ?”
ปีศาจนรกเองก็พูดเสียงลอดไรฟันว่า “บางทีมันอาจจะรู้ตัวแล้วก็ได้ ระวังตัวให้ดี แล้วก็ตื่นตัวไว้ตลอดเวลาด้วย”
ขณะที่ทั้งคู่กำลังคุยกัน จู่ ๆ ก็มีร่างหนึ่งมาปรากฏตรงหน้าพวกเขา
ไอ้หมอนั่น… โผล่มาแล้ว!
ภูตพยัคฆ์กับปีศาจนรกมองหน้ากันก่อนจะพุ่งใส่อีกฝ่ายโดยที่ไม่จำเป็นต้องพูดอะไรสักคำ
สิ่งที่พวกเขาคาดไม่ถึงก็คือ จังหวะที่พวกเขาเข้าไปใกล้ คนตรงหน้ากลับไม่ใช่ชายคนนั้น แต่เป็นโม่จิ่วโหยวต่างหาก
“มัจจุราชหน้าหยก? นายมาทำอะไรที่นี่?” ปีศาจนรกตกตะลึงพร้อมกับแสดงสีหน้าประหลาดใจ
หลังจากที่เขาเอ่ยถาม ‘โม่จิ่วโหยว’ ก็ยิ้มออกมาทันที “ฉันมารอพวกนายที่นี่ไง”
ภูตพยัคฆ์ที่กำลังรู้สึกเดือดพล่านพูดขึ้นว่า “นายมารอพวกเราที่นี่งั้นเหรอ ล้อกันเล่นใช่ไหมเนี่ย?”
“ที่นี่ไม่ใช่สถานที่นัดพบที่เราตกลงกันไว้สักหน่อย ในเมื่อนายมาถึงป้อมปราการสงครามแล้ว ทำไมไม่รีบไปหาพวกเราล่ะ แล้วอีกอย่าง ทำไมนายถึงถูกตั้งค่าหัวแบบนั้น เรื่องมันยังไงกันแน่?”
พอภูตพยัคฆ์เห็นโม่จิ่วโหยว คำถามที่กักเก็บเอาไว้ในใจมานานก็พรั่งพรูออกมาจากปาก
ตอนนี้ในหัวของเขามีคำถามมากมาย เขาอยากจะรู้นักว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ดังนั้นเขาจึงต้องการถามให้ชัดเจน
ทันใดนั้นปีศาจนรกก็คว้ามือภูตพยัคฆ์เอาไว้แล้วดึงให้อีกฝ่ายถอยหลังมาก้าวหนึ่ง ก่อนจะกระซิบกับเขาว่า “ระวังด้วย มัจจุราชหน้าหยกดูแปลกไป”
ขณะที่กล่าวปีศาจนรกก็ยกหมัดขวาขึ้นตั้งการ์ดไปทาง ‘โม่จิ่วโหยว’
ที่หมัดขวาของเขาสวมสนับมือสีทองที่กำลังแวววาวสะท้อนแสงจันทร์
ทั้ง ๆ ที่ ‘โม่จิ่วโหยว’ เผชิญกับความไม่ไว้วางใจของปีศาจนรก แต่สีหน้าของเขากลับไม่เปลี่ยนไปเลยสักนิด เขาพูดขึ้นเบา ๆ ว่า “ภูตพยัคฆ์ ปีศาจนรก พวกเราเป็นพวกเดียวกัน ทำไมถึงต้องระแวงกันเองด้วย? ฉันเพิ่งจะถูกใครบางคนไล่ล่ามา ก็เลยไปหาพวกนายไม่ได้”
หลังจากที่มัจจุราชหน้าหยกเรียกนามแฝงของทั้ง 2 คน สีหน้าของปีศาจนรกก็เริ่มอ่อนลง
แต่เขาก็ยังไม่ลดการ์ดที่ตั้งเอาไว้ขณะถามว่า “งั้นลองบอกมาสิว่าทำไมนายถึงถูกตั้งค่าหัว?”
‘โม่จิ่วโหยว’ ส่ายหัวพลางตอบแบบไม่ใส่ใจ “เรื่องมันยาว เอาไว้เราค่อยคุยกันทีหลัง”
หลังจากพูดแบบนี้เขาก็เปลี่ยนเรื่องไปถามอีกฝ่ายว่า “ว่าแต่เรายังมีสหายอีกคนไม่ใช่เหรอ ทำไมเขาไม่มาด้วยล่ะ?”
สิ้นเสียงพูด สีหน้าของปีศาจนรกก็เปลี่ยนไปทันที
แววตาของเขามีไอสังหารพลุ่งพล่านในขณะที่เขาตะคอกใส่คนถาม “แกไม่ใช่มัจจุราชหน้าหยก แกเป็นใคร?!”
วินาทีต่อมา แสงเย็นเยียบก็พุ่งผ่านอากาศตรงมาที่คอของเขา
ทางด้านปีศาจนรกดูเหมือนจะรับรู้ถึงอันตรายที่ใกล้เข้ามา สีหน้าของเขาจึงเปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน แล้วเขาก็หลบการโจมตีนั้นตามสัญชาตญาณ
สัญชาตญาณการเอาตัวรอดของเขานั้นสั่งสมมาจากการเร่ร่อนผ่านความเป็นความตายมาตลอดหลายปี ในที่สุดวันนี้มันก็มีประโยชน์และช่วยชีวิตเขาเอาไว้ได้
แสงเย็นที่พุ่งผ่านอากาศมานั้นคือดาบปราบมังกรในมือหลินหยวน
เดิมทีเขาคิดจะใช้ดาบเล่มนี้ตัดหัวของศัตรู แต่เนื่องจากปีศาจนรกหลบการโจมตีได้อย่างหวุดหวิด ดาบจึงได้ทิ้งรอยแผลลึกเอาไว้บนหลังของคู่ต่อสู้เพียงเท่านั้น
ทันใดนั้นเลือดสีสดก็สาดกระเซ็นออกมา
ฝ่ายที่ถูกโจมตีกัดฟันไม่สนใจบาดแผลขณะรีบถอยห่างจากศัตรูก่อนเป็นอย่างแรก
“แก!!” ทันทีที่ภูตพยัคฆ์เห็นหลินหยวน เขาก็พุ่งเข้าไปต่อยอีกฝ่ายทันที
เด็กหนุ่มเหลือบมองการกระทำของคู่ต่อสู้อย่างเย็นชาก่อนจะตวัดดาบฟันไปที่แขนของคนตรงหน้า
สำหรับคนธรรมดาคงไม่สามารถใช้เนื้อหนังของตัวเองปะทะกับคมมีดได้อยู่แล้ว การโจมตีนี้จึงบังคับให้ภูตพยัคฆ์จำต้องหยุดมือแล้วล่าถอยไป
แม้จะเป็นเพียงการปะทะกันสั้น ๆ แต่หลินหยวนก็ได้ประเมินความแข็งแกร่งของสาวกลัทธิบูชาไททันพวกนี้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
พวกมันเป็นผู้มีพลังพิเศษแรงก์ S เช่นเดียวกับโม่จิ่วโหยว
แต่นี่เป็นเพียงความแข็งแกร่งในร่างมนุษย์เท่านั้น
หลังจากแปลงร่างเป็นไททัน อย่างน้อยพวกมันก็จะมีพลังในระดับเดียวกับไททันมหาวิบัติ
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 114
- 👍 ถูกใจ


แสดงความคิดเห็น